จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ตามอายุสัญญา แต่ไม่เกินระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เช่น บริษัททำสัญญาเช่า 5 ปี ค่าเช่าปีละ 1,000,000 บาท รวม 5,000,000 บาท จะคำนวณวงเงินลงทุนที่จะยกเว้นภาษีเงินได้ให้ดังนี้
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 3 ปี ตามระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ คือ 3,000,000 บาท
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 5 ปี ตามระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และสัญญาเช่า คือ 5,000,000 บาท
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 5 ปี ตามระยะเวลาของสัญญาเช่า คือ 5,000,000 บาท
ไม่ถูก หากในช่วงระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 31 มีผลขาดทุน บริษัทสามารถนำผลขาดทุนประจำปีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ได้รับสิทธิ ม.31 ไปหักจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดสิทธิ ม.31 ไปแล้วเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี
สมมุติว่าบริษัทได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี โดยมีผลประกอบการดังนี้
ปีที่ 1 ปีที่2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5 ปีที่ 6 ปีที่ 7 ปีที่ 8 ปีที่ 9 ปีที่10 ปีที่11 ปีที่12 กำไร(ขาดทุน) (-10) (-5) (-5) 0 5 5 5 5 10 10 10 10 กรณีข้างต้นนี้ ผลขาดทุนของปีที่ 1-3 จะสามารถนำไปหักจากกำไรสุทธิในปีที่ 8-12 ได้ ส่วนกำไรของปีที่ 4-7 จะได้รับยกเว้นภาษี จึงเป็นดังนี้
ปีที่ 1 ผลขาดทุน 10 ล้าน ยกไปหักจากกำไรของปีที่ 8 ได้ 5 ล้าน และปีที่ 9 ได้ 5 ล้าน
ปีที่ 2 ผลขาดทุน 5 ล้าน ยกไปหักจากกำไรของปีที่ 9 ได้ 5 ล้าน
ปีที่ 3 ผลขาดทุน 5 ล้าน ยกไปหักจากกำไรของปีที่ 10 ได้ 5 ล้าน
ปีที่ 4 กำไรเป็น 0 ไม่ต้องเสียภาษี
ปีที่ 5 - ปีที่ 7 กำไรปีละ 5 ล้าน ใช้สิทธิยกเว้นภาษี
ปีที่ 8 กำไร 5 ล้าน ยกผลขาดทุนของปีที่ 1 มาหักได้ทั้งหมด จึงไม่มีกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี
ปีที่ 9 กำไร 10 ล้าน ยกผลขาดทุนจากปีที่ 1 ที่ยังหักไม่หมด มาหักได้ 5 ล้าน และยกผลขาดทุนของปีที่ 2
มาหักได้ 5 ล้าน จึงไม่มีกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี
ปีที่ 10 กำไร 10 ล้าน ยกผลขาดทุนของปีที่ 3 มาหักได้ 5 ล้าน จึงมีกำไรสุทธิ 5 ล้าน ที่ต้องเสียภาษี
ปีที่ 11-12 กำไรสุทธิปีละ 10 ล้าน ต้องชำระภาษี
จากการสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์มา เขาบอกว่า ข้อ 3.1 ประเภทงาน ไม่ต้องกรอกไปก็ได้ เรื่องการกรอกฟอร์มใบอนุญาตทำงาน ไม่ใช่งานที่ยื่นกับ BOI รายละเอียดไม่ทราบ
การแจ้งยืนยันการดำเนินการตามโครงการ และการรายงานผลการดำเนินงาน (ตส.310) เป็นคนละกรณีกัน คือ
1) การแจ้งยืนยันการดำเนินการตามโครงการ จะยื่นเพียง 3 ครั้งเท่านั้น คือ เมื่อครบ 6 เดือน 12 เดือน และ 24 เดือน นับจากวันที่ออกบัตรเงื่อนไขนี้ กำหนดอยู่ในบัตรส่งเสริม หมวดเงื่อนไขทั่วไป ข้อ 7 การนับวันเวลาตามตัวอย่างที่สอบถามถูกต้องแล้ว
2) การรายงานฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน จะยื่นทุกรอบปีหลังจากที่ได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว โดยต้องยื่นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม ของปีถัดไป เงื่อนไขนี้ กำหนดอยู่ในบัตรส่งเสริม หมวดเงื่อนไขทั่วไป ข้อ 8.2
สรุปคือ ถ้าโครงการยังไม่ได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการครบตามโครงการ ก็ยื่นเฉพาะแบบยืนยันการดำเนินการ แต่ถ้าได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว ก็ยื่นรายงานฐานะการเงินและผลการดำเนินการทุกปี ไปจนกว่าจะยกเลิกบัตรส่งเสริมนั้น
การยื่นขออนุญาตจำหน่ายเครื่องจักรหลักเกินกว่า 20% ต้องยื่นขอแก้ไขโครงการก่อน จึงจะยื่นขออนุญาตจำหน่ายเครื่องจักรได้ ถ้ายื่นเรื่องตามขั้นตอนนี้แล้ว ปรากฏว่า การขออนุญาตจำหน่ายเครื่องจักรได้รับอนุมัติก่อน ก็จำหน่ายเครื่องจักรนั้นได้ โดยไม่ต้องรอผลอนุมัติแก้ไขโครงการ
1. ไม่มีประกาศเรื่องให้ใช้เครื่องจักรใหม่ในประเทศได้ เนื่องจากไม่มีข้อห้ามใดๆ ที่ทำให้ต้องออกเป็นประกาศ
2. การนับมูลค่าเครื่องจักรเป็นมูลค่าการลงทุนเพื่อคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กำหนดตาม ประกาศ สกท ที่ ป.12/2544
ตามมาตรา 56 ของ พรบ. ส่งเสริมการลงทุน ในกรณีที่ผู้ได้รับการส่งเสริมเลิกกิจการ รวมกิจการกับผู้อื่น หรือโอนกิจการให้แก่ผู้อื่น ให้บัตรส่งเสริมนั้นใช้ได้ต่อไปอีกไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันเลิก รวม หรือโอนกิจการ
ในกรณีที่ผู้ซึ่งดำเนินกิจการที่รวมกันขึ้นใหม่หรือรับโอนกิจการ ประสงค์จะขอรับช่วงดำเนินการที่ได้รับการส่งเสริมตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริมต่อไป ให้ยื่นคำขอรับการส่งเสริมภายในเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้การส่งเสริม ให้ออกบัตรส่งเสริมโดยให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้เพียงเท่าที่ผู้ได้รับการส่งเสริมเดิมยังเหลืออยู่ ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าไม่สมควรให้การส่งเสริม ให้สั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ทั้งหมด
ตอบคำถามดังนี้
1. สามารถโอนกิจการให้กับผู้อื่นได้ แต่บัตรส่งเสริมจะสิ้นสุดลงใน 3 เดือนนับจากวันโอนกิจการ หากผู้รับโอนกิจการ ประสงค์จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริมต่อไป สามารถยื่นคำขอรับส่งเสริมภายใน 3 เดือนนับจากวันโอนกิจการ โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์เท่าที่เหลืออยู่ของโครงการนั้น
2. การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ไม่ถือเป็นการโอนกิจการ แต่ยังคงเป็นการดำเนินการโดยนิติบุคคลเดิม
- หากอัตราส่วนการถือหุ้นไทยไม่ขัดกับเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม ไม่ต้องยื่นเรื่องแก้ไขใดๆ ต่อ BOI
- หากอัตราส่วนการถือหุ้นไทยต่ำกว่าเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม ต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขอัตราส่วนหุ้นไทย
เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการยื่นขอรับการส่งเสริม ผู้ยื่นคำขอไม่ต้องเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อความเหมาะสม ผู้ยื่นคำขอควรมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการของบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นในอนาคต
หมายความว่า โครงการเดิมมีขั้นตอนการว่าจ้างอยู่แล้ว หากจะตัดทิ้งไป โดยเปลี่ยนเป็นการซื้ออย่างเดียว อาจทำให้เกิดการขาดตอนระหว่างที่ขออนุมัติ เนื่องจาก ITC สามารถมีขั้นตอนว่าจ้างได้ กรณีนี้จึงน่าจะขอเปลี่ยนประเภทกิจการจาก IPO เป็น ITC และแก้ไขลักษณะการดำเนินธุรกิจคือ บางส่วนเป็นการว่าจ้างตามที่อนุมัติอยู่เดิม และบางส่วนซื้อจากซัพพลายเออร์ น่าจะทำให้คล่องตัวกว่า และไม่เกิดช่วงรอยต่อระหว่างที่ขออนุมัติ
กรณีนำเครื่องจักรเข้ามาโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากร หากใช้ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไข สามารถขออนุญาตจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศก่อนครบ 5 ปีได้ โดยจะต้องชำระภาษีตามสภาพ เช่น ถ้าใช้เครื่องจักรไป 3 ปี อายุของเครื่องจักรก็จะเหลืออีก 2 ปี (BOI กำหนดอายุของเครื่องจักรเป็นเวลา 5 ปี) ดังนั้น ภาษีอากรที่ต้องชำระ จะคำนวณจากมูลค่าเครื่องจักรหลังหักค่าเสื่อม (กรณีตามตัวอย่างนี้คือ 40%) x พิกัดภาษี ณ ปัจจุบัน โดยไม่ต้องชำระเบี้ยปรับ เพราะไม่ได้ทำผิดเงื่อนไข BOI
วิธีการคำนวณภาษีอากร ให้ปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมศุลกากร โดยตรง
1. การจำหน่ายแม่พิมพ์ก่อนครบ 5 ปี ใช้แนวทางเดียวกับเครื่องจักรคือต้องชำระภาษีตามสภาพ ณ วันที่ขอจำหน่าย
2. การจำหน่ายแม่พิมพ์ที่นำเข้าเกิน 5 ปีแล้ว สามารถขอจำหน่ายได้ โดยไม่มีภาระภาษี ทั้ง 2 กรณี จะต้องยื่นขออนุญาตจาก BOI และชำระภาษี (ถ้ามี) ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะสามารถจำหน่ายได้
1. ถ้า B เป็น BOI ก็ถือว่า A เป็นผู้ส่งออกทางอ้อม คือเมื่อ B ส่งออก ก็ตัดบัญชี แล้วทำ report-V ส่งให้ A เพื่อตัดบัญชีในส่วนของ A ต่อไป แต่ถ้า B ไม่ใช่ BOI ไม่น่าจะทำได้ เพราะแม้ว่า B อาจจะโอนสิทธิ์ใบขนมาให้ A ก็ตาม แต่ชื่อสินค้าส่งออกในใบขนของ B อาจไม่ใช่ชื่อสินค้าที่ A ได้รับส่งเสริม จึงพิสูจน์ไม่ได้ว่า ใบขนนั้นมีสินค้ารุ่นอะไรของ A ส่งออกไปจำนวนเท่าใด
2.การนำสินค้าของ B มา re-pack ใหม่ รวมกับสินค้าของ A ยังคงทำให้ชื่อสินค้าที่จะจำหน่าย เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริมหรือไม่
- หากเป็นชื่อตามบัตร ให้ขอแก้ไขขั้นตอนการผลิต เพื่อนำสินค้าจาก B มา re-pack ด้วย (แต่หากมีขั้นตอนนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องขอแก้ไขอะไร)
- หากไม่เป็นชื่อตามบัตร ต้องแก้ไขชนิดผลิตภัณฑ์ (และกรรมวิธีผลิต เพิ่มขั้นตอน repack)
การขอรับการส่งเสริมจาก BOI กำหนดเงื่อนไขทุนจดทะเบียนไว้ดังนี้
1. กรณีเป็นโครงการริเริ่ม (คือบริษัทยังไม่เคยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจ) เงื่อนไข : ต้องมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 : 1 เช่น ถ้ามีทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท จะสามารถมีเงินกู้ได้ 24 ล้านบาท รวมขนาดการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมได้ไม่เกิน 8+24 = 32 ล้านบาท
2. กรณีเป็นโครงการขยาย (คือบริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจอยู่แล้ว แต่จะลงทุนเพิ่มเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นธุรกิจชนิดเดียวกับที่ทำอยู่เดิม หรือธุรกิจชนิดใหม่ก็ได้)
เงื่อนไข :
2.1 กรณีมีกำไรสะสม
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (รวมโครงการขยาย) ไม่เกิน 3:1 หรืออาจเกิน 3:1 ได้ โดย BOI จะพิจารณาตามความเหมาะสม
2.2 กรณีขาดทุนสะสม
- อัตราส่วนหนี้สินของโครงการขยาย ต่อทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระเพิ่มขึ้น ต้องไม่เกิน 3:1
การขอขยายเวลาเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว คือ การขยายเวลาการเปิดดำเนินการที่ไม่ได้มีสาเหตุจากการขยายเวลานำเข้าเครื่องจักร การขอขยายเวลาเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว จะสามารถยื่นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และหลังจากนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้การเวลาเปิดดำเนินการอีก โครงการที่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร หากยังนำเข้าเครื่องจักรไม่ครบ แต่หากยื่นขอขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียวก่อน จะไม่สามารถขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรได้อีก ดังนั้น จึงขอให้ยื่นขอขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรให้ครบก่อน (หลักเกณฑ์ปัจจุบันให้ขยายได้ 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี) และสุดท้ายจึงค่อยยื่นขอขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว
ตอบคำถาม
การขอขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว ให้ยื่นแบบ F PM EX 06-02 และหนังสือรับทราบเงื่อนไขว่าจะไม่สามารถขยายระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรได้ (ไม่มีแบบฟอร์ม) ต่อสำนักบริหารการลงทุน 1-4 ที่ดูแลกิจการของบริษัท หรือยื่นต่อสำนักงาน BOI ภูมิภาค และเมื่อได้รับอนุญาตให้ขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว ให้นำบัตรส่งเสริมไปติดต่อฝ่ายบัตร เพื่อแก้ไขเอกสารแนบท้ายบัตรส่งเสริม
การจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ จะต้องยื่นแบบคำขอจำหน่ายเครื่องจักรต่อ BOI แต่ถ้าเป็นการจำหน่ายไปต่างประเทศ (ส่งคืน) ให้ยื่นขอส่งคืนเครื่องจักรบนระบบ eMT
1) สามารถแจ้งยืนยันก่อนครบกำหนดได้ แต่ไม่ควรแจ้งล่วงหน้าเร็วเกินไป เช่น ไม่ควรเกิน 1 เดือน เป็นต้น
2) กรณีที่ไม่ได้แจ้งยืนยันภายในกำหนด BOI จะส่งหนังสือเตือน ดังนั้น ถ้าได้รับหนังสือเตือน ก็ควรรีบยื่นให้ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ขั้นตอนที่ยุ่งยาก
1. กรณีเยี่ยมชมโรงงาน สามารถเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องทำวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยสามารถอยู่ในประเทศได้ไม่เกิน 30 วัน
2. กรณีสอนงาน (Training) ซึ่งทราบระยะเวลาชัดเจนและมีกำหนดการสอนชัดเจน ต้องขอใบอนุญาตทำงาน
3. กรณีซ่อมเครื่องจักรเร่งด่วนฉับพลัน ซึ่งไม่มีกำหนดล่วงหน้ามาก่อน จะต้องขอใบอนุญาตทำงาน แต่จะออกให้เป็นใบประกาศด่วน (URGENT) แทนใบอนุญาตทำงาน โดยสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปยื่นเรื่อง/ขอรับเอกสาร แทนชาวต่างชาติได้ ส่วนวีซ่าเป็นวีซ่าผ่านเข้ามาปกติ ไม่ต้องเป็นวีซ่า Non-B
4. กรณีปฏิบัติงานเกินกว่า 15 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน สามารถยื่นขอใช้สิทธินำเข้าช่างฝีมือชั่วคราวเร่งด่วนต่อ BOI ได้ ซึ่งไม่ต้องขออนุมัติตำแหน่ง แต่ขั้นตอนดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานจะเหมือนขั้นตอนปกติ โดยช่างต่างชาติจะต้องเดินทางไปทำใบอนุญาตทำงานด้วย ส่วนวีซ่าจะต้องเป็นวีซ่า Non- B