เอกสารประกอบการขอรับบัตรส่งเสริม ระบุไว้ในแบบประกอบการขอรับบัตรส่งเสริม (กกท.05) (F GA CT 08) หากเอกสารครบ จะใช้เวลาออกบัตรส่งเสริมภายใน 10 วันทำการ
Q3.1:
เอกสารแนบสำหรับออกบัตรส่งเสริม “หลักฐานการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามา (กรณีที่มีหุ้นต่างชาติ)” กรณีนี้หมายถึงต้องมีหลักฐานการโอนเงินเข้ามาในบัญชีใช่หรือไม่ และยอดเงินที่แสดงต้องมีจำนวนเท่าไร
A3.1:
1. ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน การขอออกบัตรส่งเสริมกรณีมีหุ้นต่างชาติ จะต้องแนบหลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศด้วย โดยจะต้องระบุวัตถุประสงค์การโอนเงินว่าเป็นการลงทุนตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม และจะต้องโอนเงินเข้ายังบัญชีของบริษัทที่ได้รับส่งเสริมนั้นโดยตรง
2. จำนวนเงินที่ต้องแสดงหลักฐาน จะต้องไม่น้อยกว่า 25% ของเงินทุนจดทะเบียนตามที่กำหนดในหนังสือแจ้งมติอนุมัติให้การส่งเสริม โดยคำนวณเฉพาะตามสัดส่วนของหุ้นต่างชาติ เช่น หากหนังสือแจ้งมติอนุมัติให้การส่งเสริม กำหนดเงื่อนไขต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยต้องเรียกชำระเต็มมูลค่าหุ้นก่อนเปิดดำเนินการ และเป็นหุ้นต่างชาติทั้งสิ้น ก็จะต้องมีหลักฐานโอนเงินจากต่างประเทศไม่น้อยกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน คือ 2.5 ล้านบาท
กรณีนี้ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว หากจะแก้ไขชื่อนามสกุลให้ถูกต้อง จะต้องแจ้งพ้นตำแหน่งช่างต่างชาติดังกล่าว (แจ้งเผื่อล่วงหน้าให้เหลือระยะเวลาวีซ่าเกินกว่า 15 วัน) แล้วจึงยื่นขอบรรจุใหม่ จากนั้นจึงต่อวีซ่าและทำใบอนุญาตทำงานใหม่
ถ้าเป็นสำนักงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ได้รับส่งเสริมโดยตรง แม้จะอยู่คนละแห่งกับโรงงาน ก็สามารถนำมาคำนวณเป็นเงินลงทุนได้
การแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ให้ใช้แบบฟอร์มแก้ไขโครงการ เอกสารอื่นที่ต้องใช้ เช่น งบการเงินปีล่าสุด และรายละเอียดที่ไม่สามารถกรอกลงในแบบฟอร์มก็ให้ทำเป็นเอกสารแนบ หลักเกณฑ์การพิจารณา จะอ้างอิงจากประกาศที่ ป.3/2547 คือ
- จะต้องยังไม่ได้เปิดดำเนินการเต็มโครงการ
- จะเพิ่มกำลังผลิตได้ไม่เกิน 30% ของกำลังผลิตเดิมในบัตรแรก (หากเกินกว่า 30% ต้องยื่นขอเป็นโครงการใหม่) แต่หากสิทธิประโยชน์ในการแก้ไขโครงการกับการขอโครงการใหม่ไม่แตกต่างกัน จะขอเพิ่มกำลังผลิตเกินกว่า 30% ก็ได้
กรณีที่ username และ password ของระบบงานตรวจสอบ (ตส.310) และการตรวจสอบเอกสารออนไลน์ (doctracking) หาย จะต้องยื่นขอรับ password ใหม่ โดยใช้เอกสารคือ
1. หนังสือมอบอำนาจให้เป็นผู้ยื่น/และรับ password ใหม่
2. สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง ของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
3. สำเนาหนังสือรับรองบริษัทหน้าแรก (ไม่เกิน 6 เดือน)
รายการเครื่องจักรที่ต้องใช้ประกอบการยื่นเปิดดำเนินการ ต้องเป็นรายการดังนี้
- ทำให้กำลังผลิตครบถ้วนตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม - ทำให้กรรมวิธีการผลิตครบถ้วนตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม - เป็นเครื่องจักรใหม่ (หากเป็นเครื่องจักรเก่า โครงการต้องได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่า โดยเป็นเครื่องจักรนำเข้าจากต่างประเทศ มีอายุไม่เกินกว่าที่กำหนด และมีใบรับรองประสิทธิภาพถูกต้องตามที่กำหนด) - เป็นรายการที่จะนำมารวมเป็นขนาดการลงทุน เพื่อคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลข้อมูลที่ให้มาไม่เพียงพอที่จะตอบคำถาม จึงขอตอบเฉพาะหลักการคือ หาก A ได้รับส่งเสริมในกิจการผลิต และนำเข้าวัตถุดิบโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรตามมาตรา 36 เพื่อใช้ผลิตสินค้าตามกรรมวิธีผลิตที่ได้รับส่งเสริม A ไม่สามารถจำหน่ายวัตถุดิบดังกล่าวได้ เนื่องจากไม่ตรงเงื่อนไขในการใช้สิทธิ/และเงื่อนไขในการให้การส่งเสริม
หากครบกำหนดเปิดดำเนินการแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม จะถูกเพิกถอนบัตร ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากท่านไม่ประสงค์จะเป็นผู้ที่ได้รับการส่งเสริม สามารถยื่นหนังสือขอยกเลิกบัตรส่งเสริมกับสำนักงาน โดยชี้แจงเหตุผลที่ต้องการยกเลิก เช่น การเลิกประกอบกิจการ การยกเลิกการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการส่งเสริม หรือสิทธิและประโยชน์ทางภาษีสิ้นสุดลงและไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ์ที่ไม่ใช่ภาษี เป็นต้น โดยใช้ แบบฟอร์มคำขอยกเลิกบัตรส่งเสริม (F PM CC 01-00)
การคำนวณค่าเสื่อมราคาโรงงาน และเครื่องจักรเป็นไปตามหลักการบัญชี โดยต้องเป็นไปตามประมวลรัษฎากร BOI ไม่ได้เป็นผู้กำหนดวิธีคำนวณ แต่จะตรวจสอบว่าข้อมูลที่บริษัทกรอกสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ข้างต้นหรือไม่
การส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ สามารถขออนุญาตส่งคืนได้โดยไม่มีภาระภาษี ไม่ว่าจะนำเข้ามาเป็นเวลากี่ปีก็ตาม แต่หากจะส่งคืนเครื่องจักรหลัก ที่ทำให้กำลังผลิตลดลงเกินกว่า 20% โดยไม่มีการซื้อเครื่องจักรใหม่มาทดแทน จะต้องขอลดขนาดกิจการก่อน จึงจะอนุญาตให้ส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศได้
กรณีที่สอบถาม เป็นการขอส่งคืนเครื่องจักรทั้งหมดที่นำเข้าไม่เกิน 5 ปี เนื่องจากจะยกเลิกโครงการจึงมีประเด็นต้องพิจารณาว่า โครงการครบกำหนดเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้วหรือไม่ หากโครงการดังกล่าวยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการเต็มโครงการ จะมีขั้นตอนดังนี้
1. ยื่นหนังสือขอยกเลิกโครงการ
2. ยื่นคำร้องขอส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ (ในระบบ eMT)
3. ส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ
4. ยื่นตัดบัญชีเครื่องจักรที่ส่งออกไปแล้ว (ในระบบ eMT)
5. BOI จะตรวจสอบว่าโครงการดังกล่าวยังมีเครื่องจักรและวัตถุดิบที่มียอดคงเหลือค้างในระบบ RMTS และ eMT หรือหากไม่มี จะอนุมัติให้ยกเลิกโครงการโดยไม่มีภาระภาษี
1.การจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ต้องชำระภาษีอากรตามสภาพ โดยต้องได้รับอนุมัติจาก BOI ก่อน แต่หากจำหน่ายไปโดยไม่ได้รับอนุมัติ ต้องชำระภาษีอากรย้อนหลัง ณ วันนำเข้า และเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
2.เอกสารที่ขอจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศตามนี้
- check list
- หนังสือนำส่ง ใช้หัวหนังสือบริษัท ร่างขึ้นได้เอง
- แบบคำขออนุญาตจำหน่าย/โอน/บริจาคเครื่องจักร
- สำเนาหลักฐานการนำเข้าเครื่องจักรที่ขอจำหน่าย
การคำนวณค่าบริการสาธารณูปโภค เป็นไปตามแผนการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนของบริษัท BOI ไม่ได้กำหนดหลักการและวิธีคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
บัตรส่งเสริมไม่มีวันที่หมดอายุ สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อาจจะมีวันที่สิ้นสุด แต่สิทธิประโยชน์บางอย่าง ก็สามารถใช้ได้ตลอดไป เช่น การถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน การนำเข้าช่างฝีมือต่างชาติ หรือการยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบมาตรา 36 ซึ่งสามารถขอขยายเวลาต่อไปได้เรื่อยๆ
แต่หากบริษัทต้องการยกเลิกบัตรส่งเสริม ก็สามารถยื่นหนังสือต่อ BOI ได้ โดยแจ้งว่าจะขอยกเลิกบัตรส่งเสริมเลขที่ .... (ไม่มีแบบฟอร์ม) BOI จะตรวจสอบว่า โครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติเปิดดำเนินการถูกต้องแล้วหรือไม่ และมีเครื่องจักรและวัตถุดิบที่มีภาระต้องชำระภาษีคืนหรือไม่ หากทุกอย่างไม่มีปัญหา ก็จะให้ยกเลิกบัตร และยกเลิกสิทธิประโยชน์ทั้งหมดโดยไม่มีภาระภาษี หรือหากมีสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น มีเครื่องจักรที่นำเข้ามายังไม่ถึง 5 ปี หรือมีวัตถุดิบที่ยังไม่ได้ส่งออก ก็จะแจ้งเรียกเก็บภาษีตามกรณีนั้นๆ
1. การอนุญาตเรื่องการใช้สิทธิต่างๆ เช่น การนำวัตถุดิบไปว่าจ้างผลิต หรือนำไปเก็บนอกสถานที่ เป็นการอนุมัติตามเลขที่บัตรส่งเสริม ไม่ได้ผูกติดกับประเภทกิจการ
ดังนั้น หากบริษัทแก้ไขกิจการจาก IPO เป็น ITC โดยยังคงได้รับอนุญาตให้ทำว่าจ้างผลิต สิทธิต่างๆเกี่ยวกับการนำวัตถุดิบไปว่าจ้าง ตามที่เคยขออนุญาตไว้ ก็ยังคงใช้ต่อเนื่องไปได้ ไม่ต้องขอใหม่ เพราะยังเป็นเลขที่บัตรส่งเสริมฉบับเดิม
2. หากบริษัทจะขอเปลี่ยนประเภทกิจการเป็น ITC โดยจะไม่ทำการว่าจ้าง แต่เปลี่ยนเป็นการซื้อจากบริษัท A วัตถุดิบที่ยังค้างอยู่กับ A ก็ต้องเรียกคืนกลับมาทั้งหมด และจะว่าจ้างให้ A ผลิตไม่ได้ ตั้งแต่วันที่มีผลตามที่ระบุในหนังสืออนุมัติ การแก้ไขอย่างนี้เป็นโทษ ไม่เป็นคุณ ไม่น่าจะยื่นแก้ไขแบบนี้
1. เครื่องจักรใหม่ที่ซื้อในประเทศ สามารถนำมาใช้ในโครงการได้
เนื่องจากตรงตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม คือ เงื่อนไขเฉพาะโครงการข้อ 1 ซึ่งระบุว่าเครื่องจักรที่ใช้ในกิจการที่ได้รับส่งเสริมต้องเป็นเครื่องจักรใหม่ แต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องซื้อจากที่ไหน
2. เครื่องจักรใหม่ที่ซื้อในประเทศ นับเป็นขนาดการลงทุนและกำลังผลิตของโครงการได้
เพราะเป็นการลงทุนที่ตรงตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริมตามข้อ 1 การให้การส่งเสริมการลงทุน ไม่ได้มีเจตนาต้องการให้ซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศ แต่หากบริษัทได้รับส่งเสริม จำเป็นเครื่องจักรนำเครื่องจักรเข้ามาจากต่างประเทศ BOI ก็จะช่วยลดภาระการลงทุน โดยการยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าให้ แต่ไม่ได้แปลว่า โครงการที่ได้รับส่งเสริม "ต้อง" ใช้เครื่องจักรจากต่างประเทศ
ให้ติดต่อกับ จนท ผู้ดูแลรับแจ้งปัญหาระบบ ตส.310 ของสำนักที่ดูแลรับผิดชอบ (กรณีนี้คือ สำนัก 4) ตามชื่อและเบอร์โทร ท้ายคู่มือการใช้งาน ตส.310
กรณีที่จะจำหน่ายเครื่องจักรหลัก ที่ทำให้กำลังผลิตลดลงเกินกว่า 20% โดยจะไม่มีการนำเข้าเครื่องจักรใหม่มาทดแทนกำลังผลิตที่ขาดหายไป จะต้องยื่นขอแก้ไขโครงการเพื่อลดขนาดกิจการก่อน จึงจะอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องจักรดังกล่าวได้
ขั้นตอนคือ
1. ยื่นแบบคำขออนุญาตแก้ไขโครงการ (F PA PC 01) เพื่อขอลดขนาดกิจการ โดยชี้แจงเหตุผล และรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนบงบการเงินล่าสุดด้วย
2. หลังจากอนุมัติ จะต้องนำบัตรส่งเสริมไปแก้ไขด้วย ส่วนการจำหน่ายเครื่องจักร สามารถยื่นขอได้หลังจากที่ยื่นแบบแก้ไขโครงการตามข้อ 1 ต่อ BOI แล้ว
จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ตามอายุสัญญา แต่ไม่เกินระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เช่น บริษัททำสัญญาเช่า 5 ปี ค่าเช่าปีละ 1,000,000 บาท รวม 5,000,000 บาท จะคำนวณวงเงินลงทุนที่จะยกเว้นภาษีเงินได้ให้ดังนี้
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 3 ปี ตามระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ คือ 3,000,000 บาท
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 5 ปี ตามระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และสัญญาเช่า คือ 5,000,000 บาท
กรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี
- จะคำนวณวงเงินลงทุนให้ 5 ปี ตามระยะเวลาของสัญญาเช่า คือ 5,000,000 บาท