Chat
x
toggle menu
toggle menu

นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Menu Id 0 not found
D:\APP\wwwroot\admin2\phplib\menu\MenuSystem.php line 421
#0 D:\APP\wwwroot\admin2\phplib\menu\MenuSystem.php(304): MenuSystem::getMenu(0) #1 D:\APP\wwwroot\admin2\addon\menu\MenuDS.php(119): MenuSystem::getParentMenuAndItsSubMenu(true, '', false, '2', false) #2 D:\APP\wwwroot\admin2\phplib\ui\htmlblock\databind.php(2325): MenuDS->execute('getParentMenuAn...', Array) #3 D:\APP\wwwroot\admin2\phplib\ui\htmlblock\databind.php(358): DataBind::executeMethod('menu', 'getParentMenuAn...', Array) #4 D:\APP\wwwroot\admin2\phplib\ui\htmlblock\databind.php(53): DataBind::initGlobalDbList(Object(DOMXPath)) #5 D:\APP\wwwroot\admin2\openpage.php(583): DataBind::processGlobalData(Object(DOMElement)) #6 D:\APP\wwwroot\admin2\openpage.php(457): processAllBinding(Object(DOMDocument), Object(DOMXPath)) #7 D:\APP\wwwroot\admin2\openpage.php(71): openpage() #8 {main}
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เอกสารดาวน์โหลด

● นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๕

ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๕

เพื่อเป็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ติดต่อราชการกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจนมาตรฐานสากลในการเก็บรวบรวม จัดเก็บ ใช้ เผยแพร่ เปิดเผยหรือดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ที่ต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ นั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙ และตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และให้ใช้ประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๒ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๕”

ข้อ ๓ ขอบเขตการบังคับใช้

ประกาศนี้ใช้บังคับกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือบุคคลธรรมดาที่ได้ดำเนินการแทนนิติบุคคล ที่ติดต่อกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และจะถูกประมวลผลข้อมูลโดยสำนักงาน เจ้าหน้าที่ พนักงาน และรวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลแทนหรือในนามสำนักงาน

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึง

(๑) เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง

(๒) คู่ค้าและผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา

(๓) กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทน ผู้ถือหุ้น

(๔) ผู้ใช้งานบริการของสำนักงาน

(๕) ผู้เข้าชมหรือใช้งานเว็ปไซด์ แอปพลิเคชั่น อุปกรณ์ หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ

(๖) บุคคลอื่นที่สำนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ครอบครัวเจ้าหน้าที่ ผู้สมัครงาน เป็นต้น

ข้อ ๔ บทนิยาม

“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุ ตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทาง การเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงานเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า สำนักงาน บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า สำนักงาน บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ ๕ การเก็บรวบรวม จัดประเภท และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานจะเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูล ดังต่อไปนี้

(๑) เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนการยื่นคำขอ อนุมัติ อนุญาต ลงทะเบียน สมัครงาน ลงนามในสัญญา เอกสาร ทำแบบสำรวจหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ บริการ หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดยสำนักงาน หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับสำนักงาน ณ ที่ทำการ หรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดยสำนักงาน เป็นต้น

(๒) เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่น ๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของสำนักงาน ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

(๓) เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่สำนักงาน เช่น การเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการ เพื่อประโยชน์สาธารณะแบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะที่สำนักงาน มีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการจัดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงจากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลกับหน่วยงานคู่สัญญาได้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของสำนักงาน สำนักงานอาจไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้

ข้อ ๖ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานพิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.๒๕๖๒ โดยใช้ฐานในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ฐานในการเก็บรวบรวมข้อมูล

รายละเอียด

เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

เพื่อให้สำนักงานสามารถดำเนินการตามภารกิจใน การส่งเสริมการลงทุนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.๒๕๒๐ พระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ และกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินรวมถึง การดำเนินการตามคำสั่งศาล ตามกฎหมายต่าง ๆ เป็นต้น

เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา

เพื่อให้สำนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือดำเนินการอันเป็นความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับสำนักงาน เช่น การจ้างงาน จ้างทำของ การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสัญญาในรูปแบบอื่น เป็นต้น

ความยินยอมของเจ้าของข้อมูล

เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่สำนักงานจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการขอความยินยอมแล้ว เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่เป็นไปตามข้อยกเว้นมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือการนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการของคู่สัญญาหรือพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นต้น

เพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐที่สำนักงานได้รับ

เพื่อให้สำนักงานสามารถใช้อำนาจรัฐและดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะตามพันธกิจซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายสำนักงานและของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ของ สำนักงานหรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการภายในของสำนักงาน เป็นต้น

เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การให้บริการแอปพลิเคชันเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดตามนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น

เพื่อการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติที่สำคัญ

เพื่อให้สำนักงานสามารถจัดทำหรือสนับสนุนการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติ เป็นต้น

ข้อ ๗ ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงานเก็บรวบรวม

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดและตัวอย่าง

ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล

ข้อมูลระบุชื่อเรียก หรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง ข้อมูลทะเบียนบ้าน หมายเลขใบประกอบการ หมายเลขใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ (สำหรับแต่ละอาชีพ) หมายเลขประจำตัวผู้ประกันตน หมายเลขประกันสังคม เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล

ข้อมูลรายละเอียด เช่น วัน เดือน ปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลการเป็นคน ไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น

ข้อมูลสำหรับการติดต่อ

ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (Line ID, MS Teams) แผนที่ตั้งของที่พัก เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา

รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พัสดุในครอบครองของผู้ปฏิบัติงาน ผลงาน หมายเลขบัญชีธนาคาร สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของ สำนักงาน

รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของสำนักงาน เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลข PIN ข้อมูล Single Sign-on (SSO ID) รหัส OTP ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลระบุพิกัด ภาพถ่าย วีดีโอ บันทึกเสียง ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน (เว็บไซต์ที่อยู่ในความดูแลของ สำนักงาน เช่น www.boi.go.th หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ) ประวัติการสืบค้น คุกกี้ (Cookies)หรือเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) ประเภทอุปกรณ์ รายละเอียดการเชื่อมต่อ ข้อมูล Browser ภาษาที่ใช้งาน ระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลความเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

ข้อ ๘ วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

(๑) เพื่อนำไปใช้งานตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ ระเบียบและกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน

(๒) เพื่อการดำเนินการทางธุรกรรมของสำนักงาน

(๓) ควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าของข้อมูล

(๔) เพื่อเก็บรักษาและปรับปรุงข้อมูลอันเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูล รวมทั้งเอกสาร ที่มีการกล่าวอ้างถึง

(๕) จัดทำบันทึกรายการการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด

(๖) วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับบริการของสำนักงาน

(๗) เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการรับสมัครงาน การสรรหากรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ การประเมินคุณสมบัติ

(๘) ป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้งสำนักงาน และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(๙) การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของสำนักงาน หรือติดต่อใช้บริการหรือใช้สิทธิตามกฎหมาย

(๑๐) ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันสมัย

(๑๑) การประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง

(๑๒) ส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังท่าน

(๑๓) เพื่อจัดทำและส่งมอบเอกสารหรือข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็น

(๑๔) ยืนยันตัวตน ป้องกันการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย

(๑๕) ตรวจสอบว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงและใช้บริการของสำนักงาน อย่างไร ทั้งในภาพรวมและรายบุคคล และเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการค้นคว้าและการวิเคราะห์

(๑๖) ดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของสำนักงานที่มีต่อหน่วยงานควบคุม หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของสำนักงาน

(๑๗) ดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของสำนักงาน หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการการดำเนินการของสำนักงาน

(๑๘)ป้องกันหรือหยุดยั้งอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ซึ่งรวมถึงการเฝ้าระวังโรคระบาด

(๑๙) จัดเตรียมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ การค้นคว้า หรือจัดทำสถิติที่สำนักงาน ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ

(๒๐) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งที่มีผลบังคับใช้ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของเจ้าของข้อมูล

ข้อ ๙ คุกกี้ (Cookies)

สำนักงานจะเก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน ในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของสำนักงาน เช่น www.boi.go.th หรือบนอุปกรณ์หรือบริการที่เจ้าของข้อมูลใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของสำนักงาน และเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของสำนักงาน และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไป เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของสำนักงาน ให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของข้อมูล โดยสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของเจ้าของข้อมูล

ข้อ ๑๐ การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล

รายละเอียด

สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการตามกฎหมายหรือวัตถุประสงค์สำคัญอื่น (เช่น การดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ)

หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือมีอำนาจควบคุมกำกับดูแลหรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่มีความสำคัญ เช่น คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้รักษาการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ศาล สำนักงานอัยการสูงสุด กรมควบคุมโรค กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น

คณะกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายของสำนักงาน

สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลแก่บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น

คู่สัญญาซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานของสำนักงาน

บุคคลภายนอกที่สำนักงาน จัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการ เช่น โรงพยาบาล บริษัทผู้จัดทำ ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรศัพท์ เป็นต้น

พันธมิตรทางธุรกิจ

สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลแก่บุคคล ที่ร่วมงานกับ สำนักงาน เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล เช่น หน่วยงานผู้ให้บริการที่เจ้าของข้อมูลติดต่อผ่านบริการของสำนักงาน ผู้ให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการโทรคมนาคม เป็นต้น

ผู้ให้บริการ

สำนักงานอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของสำนักงาน เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล เช่น คลาวด์ ผู้พัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการด้านการบริหารความเสี่ยง ที่ปรึกษาภายนอก ผู้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น

ผู้รับข้อมูลประเภทอื่น

สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลผู้รับข้อมูลประเภทอื่น เช่น ผู้ติดต่อ สำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา หรือหน่วยงานอื่นๆ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับบริการของ สำนักงานการฝึกอบรม การรับรางวัล การร่วมทำบุญ บริจาค เป็นต้น

การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อสาธารณะในกรณี ที่จำเป็น เช่น การดำเนินการที่กำหนดให้สำนักงานต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาหรือมติคณะรัฐมนตรี เป็นต้น

ข้อ ๑๑ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมและทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้น ยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว สำนักงานจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการ หรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล สำนักงานขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้น จะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

ข้อ ๑๒ การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง

สำนักงานอาจมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของสำนักงาน ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น สำนักงานจะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของสำนักงาน ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่สำนักงานมอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน สำนักงานอาจมอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของสำนักงาน เท่านั้นโดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานจะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างสำนักงาน กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ ๑๓ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานจะจัดให้มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานอย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดยสำนักงานมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

นอกจากนี้ เมื่อสำนักงานมีการส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล แก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น สำนักงานจะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ

ข้อ ๑๔ สิทธิการมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูล

(๑) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน เก็บรวบรวมไว้ เว้นแต่กรณีที่สำนักงานมีสิทธิปฏิเสธคำขอของเจ้าของข้อมูลด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

(๒) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

(๓) สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ สำนักงาน ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภาย ใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

(๔) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้

ก) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สำนักงาน ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องสมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

ข) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงาน ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้สำนักงาน เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

ง) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สำนักงาน กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

(๕) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูล เว้นแต่กรณีที่ สำนักงานมีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น สำนักงาน สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของสำนักงาน)

(๖) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมแก่สำนักงาน ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใด ก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลถูกเก็บรักษาโดยสำนักงาน เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้สำนักงาน จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลกับสำนักงานที่ให้ประโยชน์อยู่

(๗) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลจากสำนักงาน ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้สำนักงาน ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

ข้อ ๑๕ โดยกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้กำหนดโทษทางอาญา ทางปกครอง และความรับผิดทางแพ่ง กรณีที่ไม่ได้ดำเนินการหรือฝ่าฝืนตามที่กฎหมายกำหนด จึงขอให้เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการกฎหมายดังกล่าว นโยบายและแนวปฏิบัติของสำนักงานอย่างเคร่งครัด

ข้อ ๑๖ การปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวปฏิบัตินี้เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และจะทำการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.boi.go.th การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของสำนักงาน ภายหลังการบังคับใช้นโยบายฉบับนี้ ให้ถือเป็นการรับทราบข้อตกลงในนโยบายและแนวปฏิบัตินี้แล้ว

ทั้งนี้ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะมีการทบทวนนโยบาย และแนวปฏิบัติให้เป็นปัจจุบันอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสำนักงาน

ข้อ ๑๗ การติดต่อกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

หากเจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

(๑) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
สถานที่ติดต่อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
๕๕๕ ถนนวิภาวดี รังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ช่องทางการติดต่อ: datacontroller@boi.go.th โทรศัพท์ : ๐๒-๕๕๓-๘๑๑๑
(๒) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
๕๕๕ ถนนวิภาวดี รังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ช่องทางการติดต่อ: dpofficer@boi.go.th โทรศัพท์ : ๐๒-๕๕๓-๘๑๑๑

ข้อ ๑๘ ให้หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงาน มีหน้าที่ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายและ มาตรฐานที่กำหนดไว้ ดังนี้

(๑) คู่มือระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (ISMS Manual)

(๒) นโยบายความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Security Policy)

(๓) คำประกาศการนำไปใช้งาน (Statement of Applicability : SOA)

(๔) แนวทางการประเมินความเสี่ยงสารสนเทศ (Risk Assessment Approach)

(๕) รายงานการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment Report)

(๖) แผนการจัดการความเสี่ยง (Risk Treatment Plan)

(๗) แผนสร้างความต่อเนื่องให้กับธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP)

(๘) คู่มือปฏิบัติงานและวิธีปฏิบัติงาน ระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001 ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

ข้อ ๑๙ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕

(นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map