กรณีมีการรวมบัญชีสต็อกวัตถุดิบ
1. ระยะเวลาการได้รับสิทธิของบัญชีรวมสต็อก จะกำหนดให้เป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดครั้งล่าสุดของทุกโครงการ (สั้นหน้า สั้นหลัง) ซึ่งกรณีของบริษัทที่สอบถาม คือ 28 ก.ย. 62 - 17 มิ.ย. 63
2. การขยายเวลานำเข้าวัตถุดิบครั้งแรกหลังรวมบัญชีสต็อก ให้ยื่นขยายเฉพาะโครงการที่จะสิ้นสุดก่อน ซึ่งกรณีของบริษัทคือ ขยายเวลาโครงการที่ 2 (สิ้นสุด 17 มิ.ย. 63) โดยจะได้รับอนุญาตให้ขยายเวลาถึงวันสิ้นสุดสิทธิของอีกโครงการหนึ่ง (27 ก.ย. 64)
3. หลังจากนั้น เมื่อใกล้ครบระยะเวลานำเข้าของทั้ง 2 โครงการ (27 ก.ย. 64) ให้ยื่นขยายเวลานำเข้าของทั้ง 2 โครงการ ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้ขยายครั้งละไม่เกิน 2 ปี (11 มิ.ย. 2563)
กรณีมีการขอแก้ไขบัญชีรายการวัตถุดิบเพื่อเพิ่มวัตถุดิบรายการใหม่ หากได้รับอนุมัติ จะมีผลตั้งแต่วันเริ่มต้น - วันสิ้นสุดของสิทธิประโยชน์มาตรา 36 ที่บริษัทได้รับ
ดังนั้น หากบริษัทนำเข้าวัตถุดิบก่อนได้รับอนุมัติแก้ไขบัญชี โดยชำระภาษีสงวนสิทธิ ก็สามารถขอสั่งปล่อยคืนอากรภายหลังจากได้รับอนุมัติแก้ไขบัญชีได้ แต่ต้องเป็นการนำเข้าในช่วงเวลาที่ได้รับสิทธิมาตรา 36 (11 มิ.ย. 2563)
ให้แยกเป็น 2 เรื่องดังนี้
1. สามารถใช้เครื่องจักรเก่าได้หรือไม่
ตอบ ให้ตรวจสอบเงื่อนไขในบัตรส่งเสริมว่ามีการอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่าได้หรือไม่
หากมี กำหนดอายุเครื่องจักรเก่าไว้อย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
หากไม่มี หมายความว่า ไม่สามารถใช้เครื่องจักรเก่าในโครงการได้ ไม่ว่าจะเสียภาษีอากรเข้าขาเองก็ตาม
2. ต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่าหรือไม่
ตอบ กรณีที่บัตรส่งเสริมอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่า จะกำหนดเงื่อนไขด้วยว่าต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่าด้วย ยกเว้นเครื่องจักรบางรายการ เช่น แม่พิมพ์ JIG&FIGTURE ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่า
กรณีที่บริษัทได้รับการส่งเสริม และได้รับสิทธิตามมาตรา 28
1. เครื่องจักรในการผลิตน้ำ จะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามมาตรา 28 ได้
2. เครื่องจักรในการสูบน้ำ และระบบท่อส่งน้ำ จะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามมาตรา 28 ได้ แต่ ทั้งนี้ ในโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมและได้รับอนุมัติ จะต้องระบุว่ามีกระบวนการสูบน้ำจาก .... และส่งน้ำจากโรงงานไปยัง .... เป็นระยะทาง .... ด้วย
ทั้งนี้ เครื่องจักรที่จะได้รับสิทธิตามข้อ 1 และ 2 จะต้องไม่เป็นเครื่องจักรมีผลิตหรือประกอบในประเทศ ซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกัน และมีปริมาณเพียงพอที่จะจัดหามาใช้ได้
ตอบคำถามดังนี้ 1. ในการตรวจสอบเปิดดำเนินการ หากพบว่ามีกำลังผลิตมากกว่าหรือน้อยกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริมไม่เกิน 20% ถือว่ามีกำลังผลิตเป็นไปตามที่ได้รับส่งเสริม จึงไม่ต้องลดกำลังผลิตในขั้นเปิดดำเนินการ
2. กรณีตรวจสอบว่ามีกำลังผลิตต่ำกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริมมากกว่า 20% จะเปิดดำเนินการโดยลดกำลังผลิตในบัตรส่งเสริมให้เท่ากับที่ตรวจสอบได้จริง และเมื่อบริษัทได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ และแก้ไขบัตรส่งเสริมลดกำลังผลิตเป็นที่เรียบร้อย ให้ยื่นขอแก้ไขปรับลด Max Stock วัตถุดิบ ต่อกองที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทต่อไป
แม้ว่าบริษัทจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว ก็ยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดในบัตรส่งเสริม ดังนั้น หากจะมีการจำหน่ายเครื่องจักรหลัก และทำให้กำลังผลิตลดลงมากกว่า 20% ของบัตรส่งเสริม จะต้องแจ้ง BOI เพื่อขอแก้ไขโครงการ และขออนุญาตจำหน่ายหรือส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ
การนำเข้าเครื่องจักรเก่าใช้แล้ว เพื่อมาใช้ในโครงการที่ได้รับการส่งเสริม มีเงื่อนไขดังนี้
1. ในบัตรส่งเสริมจะต้องมีข้อความระบุการอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่าในโครงการที่ได้รับส่งเสริม
2. อายุของเครื่องจักรเก่า ต้องเป็นไปตามที่ระบุในบัตรส่งเสริม
3. ต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่าตามหลักเกณฑ์ที่ BOI กำหนด
กรณีที่บัตรส่งเสริมระบุให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักรเก่า สามารถยื่นสั่งปล่อยผ่านระบบ eMT ได้ตามปกติ
แต่หากบัตรส่งเสริมระบุไม่ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักรเก่า ก็ให้นำเข้าโดยชำระภาษีอากรตามปกติ และไม่ต้องยื่นสั่งปล่อยต่อ BOI แต่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อข้างต้น
A (BOI) จำหน่ายให้ B (บริษัท Trading ในประเทศไทย - Non BOI) โดยส่งสินค้าไปยัง C (ต่างประเทศ) แอดมินไม่แน่ใจว่า ชื่อผู้ส่งออกในใบขนสินค้าขาออก จะต้องเป็น A หรือ B ขอให้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร โดยตรง
หากชื่อผู้ส่งออกในใบขนสินค้าขาออกเป็น B (Trading Non-BOI) สามารถโอนสิทธิตัดบัญชีใบขนสินค้าขาออกให้กับ A (BOI) ได้ โดย
1. ระบุการใช้สิทธิและประโยชน์มาตรา 36 ในช่องเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ BOI (Y) ในใบขนสินค้าขาออกอิเล็กทรอนิกส์
2. ระบุเลขนิติบุคคล 13 หลักของ A ในช่อง Remark ของสินค้าแต่ละรายการในใบขนสินค้าขาออกอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะโอนสิทธิตัดบัญชีวัตถุดิบไปให้ A เป็นผู้ตัดบัญชี
กรณีทำลายสินค้าสำเร็จรูปที่มีสูตรการผลิต เมื่อได้รับอนุมัติตัดบัญชีจาก BOI แล้ว ให้ยื่น "ตัดบัญชีวัตถุดิบ" ตามสูตรการผลิตที่ได้รับอนุมัติ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. คีย์ไฟล์ตัดบัญชี (EXPORT.XLSX) โดยกรอกข้อมูลเช่นเดียวกับการตัดบัญชีปกติ แต่ให้ระบุเลขที่เอกสารส่งออกเป็นเลขที่ นร ที่อนุมัติให้ตัดบัญชี และกรอกวันที่ส่งออกเป็นวันที่ตามหนังสืออนุมัติ
2. ยื่นตัดบัญชีแบบ paperless ผ่านระบบ IC Online โดยติ๊กช่องรูปแบบไฟล์ที่ส่งเป็น "เอกสารอื่น" และแนบไฟล์ EXPORT ที่เตรียมไว้ตามข้อ 1
3. เมื่อระบบได้รับข้อมูลแล้ว จะยังประมวลผลไม่ได้ เนื่องจากระบบไม่มีข้อมูลหนังสืออนุมัติตัดบัญชีจาก BOI 4. บริษัทเข้าไปในเมนู "ตรวจสอบข้อมูลระบบ paperless" เพื่อเช็ค "เลขที่รับงาน" ของการยื่นตัดบัญชีที่รอประมวลผลงวดนั้น
5. จากนั้น บริษัทจัดเตรียมแบบฟอร์มหนังสือขออนุมัติตัดบัญชี (กรณีปกติ) โดยดาวน์โหลดได้จาก แบบฟอร์มงานตัดบัญชีวัตถุดิบ RMTS โดยให้นำ "เลขที่รับงาน" ตามข้อ 4 มากรอกเป็น "เลขที่งวด" ในแบบฟอร์ม จากนั้นกรอกข้อมูลอื่นๆ และลงนามประทับ และ scan เป็น pdf
6. ส่งแบบฟอร์มขอตัดบัญชีตามข้อ 5 และสำเนาหนังสืออนุมัติตัดบัญชีจาก BOI ทางอีเมล์ไปยัง supportbkk@ic.or.th
7. จากนั้นโทรศัพท์ติดตามงานกับ IC ต่อไป
ศบท. ได้ชี้แจงว่าสิทธิตามมาตรา 36 นั้นใช้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม ด้วยเครื่องจักรที่อยู่ในโครงการที่ได้รับส่งเสริม และผลิตแล้วจะส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเครื่องจักรที่อยู่ในโครงการที่ได้รับส่งเสริมนั้นอาจจะใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28 หรือลดหย่อนตามมาตรา 29 หรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้อาจจะพิจารณาเบื้องต้นว่าเครื่องจักรอยู่ในโครงการหรือไม่โดยการดูรายละเอียดเครื่องจักรในเอกสารตรวจเปิดดำเนินการก็ได้หากได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว
หากบริษัทนำรายการอะไหล่ ไปยื่นขออนุมัติในบัญชีเครื่องจักร และได้รับอนุมัติแล้ว จะปล่อยเลยตามเลยไปก็ได้ แต่จะมีข้อเสียคือ หากจะนำเข้าเพิ่มเติม ก็ต้องยื่นขอเพิ่มจำนวนเครื่องจักรทุกครั้ง (แต่หากเป็นอะไหล่จะไม่กำหนดจำนวนอนุมัติสูงสุด)
กรณีต้องการแก้ไขให้ถูกต้อง หากยังไม่ได้ใช้สิทธิสั่งปล่อยเครื่องจักร (อะไหล่) รายการนั้นก็ให้ยื่นขอยกเลิกรายการเครื่องจักร จากนั้นให้ยื่นขออนุมัติใหม่ในบัญชีรายการอะไหล่
แต่หากใช้สิทธิสั่งปล่อยเครื่องจักร (อะไหล่) รายการนั้นไปแล้ว จะยกเลิกรายการเครื่องจักรนั้นไม่ได้ และในกรณีนี้ก็จะยื่นขออนุมัติเป็นชื่ออะไหล่ไม่ได้ด้วย เนื่องจากระบบ eMT จะล็อคไม่ให้ยื่นขอชื่ออะไหล่โดยใช้ชื่อที่ซ้ำกับชื่อเครื่องจักร
การขออนุมัติสูตรการผลิต จะต้องแสดงรายการและปริมาณการใช้วัตถุดิบ (net) ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ รวมทั้งปริมาณการส่วนสูญเสียในกระบวนการผลิต (loss) ตาม ประกาศ สกท ที่ ป.8/2561 ไม่ใช่นำ net และ loss มารวมกัน แล้วยื่นขอเป็นปริมาณการใช้วัตถุดิบ (net)
1.หากสูตรการผลิตที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว ไม่ตรงกับการผลิตจริงในปัจจุบัน บริษัทสามารถยื่นขอแก้ไขสูตรการผลิตนั้นได้ โดยระบบจะบันทึกการแก้ไขแต่ละครั้ง เป็น revision 2, 3, 4, ... ตามลำดับ และเมื่อมีการตัดบัญชีสินค้าโมเดลนั้น บริษัทสามารถเลือก revision ที่ต้องการใช้ตัดบัญชีได้
2.ส่วนสูญเสียนอกสูตรการผลิต จะต้องแยกเก็บตามชนิดและปริมาณ เพื่อรอการตรวจสอบรับรองการทำลายจาก บ.Inspector แต่ส่วนสูญเสียในสูตรการผลิต ไม่ต้องรอตรวจสอบ สามารถนำไปกำจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต BOI / หรือหากเป็นส่วนสูญเสียที่มีมูลค่าตามสภาพ จะต้องยื่นขอชำระภาษีก่อนส่วนสูญเสียในสูตรและนอกสูตร จะเก็บรวมกันไม่ได้ เพราะจะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบชนิดและปริมาณของส่วนสูญเสียแต่ละชนิดได้
3.สูตรการผลิต สามารถมีทศนิยมได้ 8 หลัก
การนำเข้าแม่พิมพ์จากต่างประเทศมาทดลองใช้ สามารถใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28 ได้
และหากทดลองแล้วไม่ผ่าน เมื่อจะส่งคืนก็ให้ยื่นขออนุญาตส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ จากนั้นนำหลักฐานส่งออกมายื่นตัดบัญชีเครื่องจักรต่อไป
กรณีส่งแม่พิมพ์ไปซ่อมแล้ว แต่ซ่อมไม่ได้จึงไม่ต้องการนำกลับเข้ามาให้ยื่นคำร้องเพื่อเปลี่ยนสถานะการส่งซ่อมเป็นส่งคืนจากเมนูส่งซ่อม/ส่งคืน ในระบบ eMT
1. ส่วนสูญเสียในสูตรการผลิตจะใช้ว่า scrap (หรือ loss) included in production formula ก็ได้ แต่ประเด็นคือต้องอธิบายนิยามตามข้อกำหนดของ BOI ให้ถูกต้อง
2. วัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่สามารถนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมได้ เป็นส่วนสูญเสียนอกสูตรสามารถขออนุญาตส่งคืนไปต่างประเทศโดยไม่มีภาระภาษี โดยระบุชื่อส่งออกตามที่ชื่อวัตถุดิบที่นำเข้ามา และไม่ต้องให้ บ.Inspector รับรองจากนั้นจึงขอตัดบัญชี (ปรับยอด) ต่อไป
หากนำเข้าเครื่องจักรเข้ามาเกิน 30% ในช่วงที่ยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการ สามารถนำเครื่องจักรนั้นไปรวมเป็นการลงทุนของโครงการนั้นได้ แต่ BOI จะแก้ไขกำลังผลิตให้ในวันที่อนุญาตให้เปิดดำเนินการเท่านั้น
ทั้งนี้ หากสิทธิประโยชน์ของโครงการนั้น แตกต่างกับสิทธิประโยชน์กรณียื่นเป็นคำขอใหม่ในปัจจุบัน จะอนุญาตให้เพิ่มกำลังผลิตได้ไม่เกิน 30% และแก้ไขวงเงินลงทุน (วงเงินยกเว้นภาษีเงินได้) ให้ตามสัดส่วนของกำลังผลิตที่อนุญาตให้เพิ่มขึ้น โดยส่วนที่ผลิตเกินกว่านั้น ต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล
Master List หมายถึง บัญชีรายการเครื่องจักรที่จะขอใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28 หรือ 29 จาก BOI โดยแบ่งเป็น 3 บัญชี คือ
- บัญชีเครื่องจักร
- บัญชีอะไหล่
- บัญชีแม่พิมพ์
ส่วน BOM หมายถึง กรณีนำเข้าเครื่องจักรตามรายการใน Master List โดยถอดแยกชิ้นไม่ครบชุด หรือครบชุดแต่แยกนำเข้าหลายเที่ยวเรือ จะต้องระบุรายการชิ้นส่วนนั้นๆ โดยผูกไว้กับรายการเครื่องจักรนั้นๆ ด้วย
เช่น หากบริษัทจะนำเข้าชิ้นส่วน A1, A2, A3 จากต่างประเทศ เพื่อมาประกอบเข้ากับชิ้นส่วน A4 ที่ซื้อในประเทศ เป็นเครื่องจักร A กรณีนี้จะต้องยื่นอนุมัติบัญชีรายการเครื่องจักรเป็น A โดยมี BOM เป็น A1, A2, และ A3