บริษัทได้รับส่งเสริมผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งกรรมวิธีเดิมมีการใช้ชิ้นส่วน คือ terminal ซึ่งต้องนำเข้าจาก ตปท. แต่ต่อมาต้องการนำ Tin plated มาผลิตเป็น terminal เองในโรงงาน
1. สามารถขอผลิต terminal และชิ้นส่วน โดยจะยื่นแก้ไขโครงการ หรือจะยื่นเป็นโครงการใหม่ก็ได้
1.1 กรณีแก้ไขโครงการ
- ต้องยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการ เนื่องจากจะต้องนำเครื่องจักร (ยกเว้นกิจการในหมวด 5 อุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน จะเปิดดำเนินการครบตามโครงการแล้วก็ได้ เนื่องจากได้รับสิทธิให้นำเข้าเครื่องจักรมาปรับปรุงโครงการได้ตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม)
- จะได้รับสิทธิประโยชน์เท่าที่เหลืออยู่ของโครงการเดิม
1.2 กรณีขอโครงการใหม่
- จะได้รับสิทธิประโยชน์ใหม่
2. การเพิ่มทุนจดทะเบียนในโครงการใหม่หรือการแก้ไขโครงการ จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป โดยดูจากผลประกอบการของบริษัทและขนาดการลงทุนที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น หากบริษัทมีกำไรสะสม หรือมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นไม่สูง ก็อาจไม่ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนก็ได้
3. terminal ที่จะขอผลิตเป็นชิ้นส่วนในโครงการเดิมแล้ว ยังสามารถขอจำหน่ายเป็นชิ้นส่วนได้ด้วย แต่จะต้องระบุในคำขอให้ชัดเจน
4. หลักเกณฑ์การอนุญาต คือตามข้อ 1 และ 2
ใบรับรอง ISO ของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ไม่มีผลถึงบริษัทลูกที่ประเทศไทย แต่หน่วยงานญี่ปุ่นที่ออกใบรับรองให้กับบริษัทแม่ จะเดินทางมาตรวจบริษัทลูกที่ประเทศไทย และออกใบรับรองให้กับบริษัทลูกก็ได้
ใบรับรอง ISO ที่จะใช้ยื่นต่อ BOI ต้องเป็นใบรับรองที่ออกให้กับบริษัทที่ได้รับการส่งเสริม โดยมีการรับรองรองประเภทกิจการ (เช่น การผลิต...) และที่ตั้งสถานประกอบการ ตรงตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม
1.1 ขอรับส่งเสริมเป็นโครงการใหม่ ประเภท 7.11 กิจการวิจัยและพัฒนา
ต้องเป็นการวิจัยพัฒนาจนถึงขั้นจดสิทธิบัตรใหม่ จากนั้นนำผลวิจัยพัฒนานั้นไปทำการผลิตเชิงพาณิชย์ โดยจะใช้กิจการโรงงานที่ดำเนินการอยู่เดิมก็ได้ รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลงานจาก R&D นี้ ถือเป็นรายได้ที่สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ในโครงการ R&D จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี โดยไม่กำหนดวงเงินสูงสุด (ตามประเภท A1) https://www.boi.go.th/upload/Section7th_90697.pdf
1.2 ขอรับส่งเสริมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
เป็นการวิจัยพัฒนาหรือออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เช่น พัฒนาคุณสมบัติสินค้า หรือพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ หรือออกแบบกระบวนการผลิตสินค้าให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ขอรับส่งเสริมตามประกาศ กกท ที่ 9/2560 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต https://www.boi.go.th/upload/content/9_2560_10104.pdf และคำชี้แจง https://www.boi.go.th/upload/content/c8_2561_5bb7426f6bcda.pdf จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ไม่เกิน 50% ของมูลค่าเงินลงทุน R&D ต้องยื่นคำขอรับส่งเสริมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 โครงการเดิมที่จะขอปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ต้องไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี หรือสิ้นสุดสิทธิยกเว้นภาษีไปแล้ว
2. บัญชีนวัตกรรมไทยเป็นคนละมาตรการกัน ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI บริษัทจะรับสิทธิทั้ง 2 มาตรการก็ไม่มีปัญหาอะไร
กรณีเป็นบริษัทต่างด้าว หากประกอบกิจการนอกเหนือจากที่ได้รับส่งเสริมจาก BOI และเป็นกิจการที่ห้ามไว้ตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักบริการธุรกิจของคนต่างด้าว ก.พาณิชย์ ก่อน จึงจะดำเนินการได้
หากกิจการที่ได้รับส่งเสริมจาก BOI ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ บริษัทจะต้องแยกบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนที่ได้รับส่งเสริมและไม่ได้รับส่งเสริม เพื่อให้สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ก่อนจะถึงเรื่องการแยกบัญชี บริษัทต้องปฏิบัติตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ให้ถูกต้องเสียก่อน
กิจการ IBC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้วิจัยและพัฒนาและฝึกอบรม โดยไม่ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ
สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ได้ตามลิงค์: https://www.boi.go.th/index.php?page=form_app1
เปลี่ยนได้โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ IBC
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี
(มาตรา 31)
- ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50
(มาตรา 35 (1))
- ยกเว้น/ลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร
(มาตรา 28/29)
- ลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็น
(มาตรา 30)
- ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา
(มาตรา 30/1)
- ให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
เป็นสองเท่า (มาตรา 35 (2))
- ให้หักค่าติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นร้อยละ
25
(มาตรา 35 (3))
- ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก
(มาตรา 36)
การได้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวขึ้นอยู่กับประเภทกิจการและเงื่อนไขของโครงการที่ได้รับการส่งเสริม
“วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลาง ธุรกิจระหว่างประเทศ ในลักษณะดังนี้
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งทางตรงหรือทาง อ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทาง ตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการ บริหารงานของศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
(5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
(6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
กิจการการค้าระหว่างประเทศภายใต้ประเภทกิจการ 7.34 IBC ปัจจุบัน มีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับแตกต่างจากประเภท 7.6 ITC เดิม โดยมีเงื่อนไขเฉพาะประเภทกิจการดังนี้
1.ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท (เหมือนเดิม)
2.ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับ IBC ไม่น้อยกว่า 10 คน เว้นแต่กรณี IBC ที่มีเฉพาะการให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะไม่น้อยกว่า 5 คน
3.กรณีเป็นการดำเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ จะต้องมีขอบข่ายธุรกิจในข้อ 1.1 – 1.10 ร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ข้อ
4.ไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (มาตรา 28) และไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นสำหรับส่วนที่ผลิตเพื่อการส่งออก (มาตรา 36)
เงื่อนไขในการยื่นขอและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเปลี่ยนไป ทั้งด้านการจ้างงานบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ด้านขอบข่ายการบริการที่ต้องมีการให้บริการวิสาหกิจในเครือด้วยที่เพิ่มขึ้น และด้านสิทธิประโยชน์ด้านการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (ม.28) ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ (ม.36) ที่ถูกยกเลิกไป
BOI มีแนวทางการพิจารณาว่าหากกิจการต้องการจะดำเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้ประเภทกิจการ 7.34 IBC จะต้องมีการดำเนินการในขอบข่ายธุรกิจในข้อ 1.1 – 1.10 ของประเภทกิจการ IBC ด้วยอย่างมีนัยสำคัญ
ขอบข่ายธุรกิจในประเภทกิจการ IBC มีรายละเอียดดังนี้
1.1 การบริหารงานทั่วไป การวางแผนทางธุรกิจ และ การประสานงานทางธุรกิจ
1.2 การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วน
1.3 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
1.4 การสนับสนุนด้านเทคนิค
1.5 การส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย
1.6 การบริหารด้านงานบุคคลและการฝึกอบรม
1.7 การให้คำปรึกษาด้านการเงิน
1.8 การวิเคราะห์และวิจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
1.9 การจัดการและควบคุมสินเชื่อ
1.10 การให้บริการด้านการบริหารเงินของศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center)
1.11 กิจการการค้าระหว่างประเทศ
1.12 การให้กู้ยืมเงินแก่วิสาหกิจในเครือในลักษณะที่ไม่เข้าข่ายการประกอบธุรกิจในข้อ 1.10 และ สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เช่น
- การให้กู้ยืมเงินสกุลเงินตราต่างประเทศแก่วิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ
- การให้กู้ยืมเงินบาทแก่วิสาหกิจในเครือในประเทศไทย
- การให้กู้ยืมเงินบาทแก่วิสาหกิจในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และประเทศที่ มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย โดยกิจการที่กู้ยืมเงินจะต้องนำไปใช้เพื่อการค้าหรือการลงทุนในประเทศไทยหรือประเทศดังกล่าวเท่านั้น
1.13 การให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ
ตัวอย่างรายละเอียดกิจกรรมแต่ละขอบข่ายธุรกิจ โปรดดู: International Business Center (IBC).pdfกรณีได้รับส่งเสริม 2 โครงการ โดยมีชนิดผลิตภัณฑ์และกรรมวิธีการผลิตเหมือนกัน บริษัทจะผลิตสินค้าโมเดลเดียวกันทั้ง 2 โครงการก็ได้ แต่ต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามกำลังผลิตของเครื่องจักรที่ติดตั้งแล้วของแต่ละโครงการ รวมถึงจะต้องมีการขออนุมัติสูตรการผลิตสินค้านั้น และมีการยื่นสั่งปล่อยวัตถุดิบนำเข้า ไว้ทั้ง 2 โครงการ (หากไม่ได้รวมบัญชีปริมาณสต็อก)
สำหรับการแยกบัญชีรายรับรายจ่ายของทั้ง 2 โครงการ ก็จะต้องแยกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผลิตสินค้าคนละโมเดล หรือโมเดลเดียวกัน
ขอบข่ายธุรกิจในประเภทกิจการ IBC มีรายละเอียดดังนี้
1.1 การบริหารงานทั่วไป การวางแผนทางธุรกิจ และการประสานงานทางธุรกิจ
1.2 การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วน
1.3 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
1.4 การสนับสนุนด้านเทคนิค
1.5 การส่งเสริมด้านการตลาดละการขาย
1.6 การบริหารด้านงานบุคคลและการฝึกอบรม
1.7 การให้คำปรึกษาด้านการเงิน
1.8 การวิเคราะห์และวิจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
1.9 การจัดการและควบคุมสินเชื่อ
1.10 การให้บริการด้านการบริหารเงินของศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center)
1.11 กิจการการค้าระหว่างประเทศ
1.12 การให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ตามที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด
Q1.1 มีรายได้จากการให้บริการซ่อมเเซม Rack หรือ Jig กรณีที่บริษัทเป็นผู้ผลิต Rack เอง และลูกค้าได้ซื้อ Rack จากบริษัทเราไป หากในภายหลัง ต้องการให้บริษัททำการซ่อมเเซม Rack ดังกล่าว ไม่ทราบว่าบริษัทสามารถรวมค่าบริการซ่อมเเซม Rack ไว้ภายในโครงการ BOI ได้หรือไม่
A1.1 การขอรับการส่งเสริมในประเภทกิจการ 4.1.3 กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ รายได้ของโครงการจะมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โลหะเท่านั้น ดังนั้น รายได้ที่เกิดจากการให้บริการซ่อมแซม จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายได้ของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ
Q1.2 กรณีที่บริษัทไม่ได้เป็นผู้ผลิต Rack ชิ้นนั้น แต่มีลูกค้าที่ต้องการให้บริษัททำการซ่อมให้ไม่ทราบว่าบริษัทสามารถให้บริการซ่อมแซม Rack รวมถึงคิดค่าบริการนี้ได้หรือไม่ และเราสามารถสร้างรายได้จากการบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ Rack แก่ลูกค้าได้หรือไม่
A1.2 การบริการซ่อมบำรุงหลังการขายสำหรับ Rack สามารถดำเนินการได้โดยไม่ได้รับส่งเสริมจากบีโอไอ แต่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (FBL) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
แต่ถ้ามีการให้บริการติดตั้งซ่อมบำรุง Jig ซึ่งเป็นเครื่องมือ สามารถขอส่งเสริมในกิจการ 7.7 กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) ขอบข่ายธุรกิจที่ 2.5 กิจกรรมทางธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือและอุปกรณ์ ได้แก่ การนำข้าเพื่อค้าส่ง การให้บริการฝึกอบรม การติดตั้งบำรุงรักษาซ่อมแซม และการปรับ (Calibration) อย่างไรก็ตาม มีการกำหนดเงื่อนไขเฉพาะโครงการ อาทิ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ปีละไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ต้องมีแผนการและขอบข่ายธุรกิจตามที่สำนักงานกำหนด เป็นต้น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคู่มือการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 2563 (หน้า 72)
แต่ทั้งนี้ บริษัทจะต้องได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว หรือจะต้องยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการ แต่หากพ้นกำหนดเปิดดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นขอเปิดดำเนินการจะมีปัญหา
กิจการผลิตเครื่องจักร "Test and Assembly Testing" ให้การส่งเสริมในประเภท 4.5 (สิทธิประโยชน์ในกลุ่ม A1-A4)
Q12.1:
หากไม่มีขั้นตอนออกแบบในประเทศไทยจะจัดเป็นประเภท 4.5 นี้หรือไม่
A12.1:
หากเป็นการผลิตเครื่องจักรที่ไม่มีการออกแบบทางวิศวกรรม ให้ส่งเสริมในประเภท 4.5.2 และ 4.5.3
Q12.2:
ในกิจการ 4.5.2 ระบุว่าต้องมีขั้นตอนการขึ้นรูปชิ้นส่วน และ/หรือ การออกแบบทางวิศวกรรม อยากทราบว่าคำว่า การขึ้นรูปชิ้นส่วน หมายถึงอะไร คือการฉีดพลาสติกขึ้นโครงเครื่องจักรหรือไม่
การผลิตของบริษัทจะมีขั้นตอนตัดชิ้นส่วนอลูมิเนียมขึ้นเป็นโครงเครื่องจักร การเชื่อมติดชิ้นส่วนต่างๆ การทำสายไฟเพื่อประกอบเป็นตู้ควบคุม เป็นต้น
A12.2:
การขึ้นรูป คือมีการผลิตชิ้นส่วนขึ้นเอง หากไม่มีการผลิตชิ้นส่วนจะเป็นการประกอบเครื่องจักร ซึ่งจัดเป็นกิจการประเภท 4.5.3
Q12.3:
การผลิตชิ้นส่วนเอง หมายถึงอะไร เช่น เราซื้อปลั๊ก สายไฟ โครงเหล็ก แผ่นเหล็ก มาตัดและประกอบ ถือเป็นการผลิตชิ้นส่วนเองหรือไม่
A12.3:
การตัดแผ่นเหล็ก เป็นขั้นตอนที่ไม่มีนัยสำคัญในกระบวนการผลิต กรรมวิธีการผลิตที่สอบถาม เป็นเพียงการประกอบเครื่องจักรเท่านั้น
หากบริษัท A มาใช้บริการฝากเก็บสินค้าเข้าคลัง และเบิกจ่ายสินค้าออกจากคลัง ผู้ให้บริการคลังสินค้าดังกล่าว จะให้บริการเพียงการรับฝากสินค้าเท่านั้น คือเป็นกิจการคลังสินค้าไม่เข้าข่ายกิจการศูนย์กระจายสินค้า IDC
Q1.2:
บริษัทมีการนำเข้าอะไหล่มาเพิ่มเติมช่วงหลังเพื่อมา modify เครื่องจักร ถ้าจะส่งเครื่องจักรไปต่างประเทศ บริษัทต้องขออนุญาตทั้งเครื่องจักรและอะไหล่แยกกันหรือไม่ แต่การส่งออกจริง อะไหล่จะประกอบอยู่ในเครื่องจักร เวลาตัดบัญชีเครื่องจักรส่งออกจะไม่มีรายการเหมือนตอนนำเข้าอะไหล่ บริษัทต้องแยกรายการออกมาเหมือนตอนนำเข้าไหม
A1.2:
การนำเข้าอะไหล่เข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักร แล้วต่อมาส่งเครื่องจักรนั้นไปต่างประเทศ จะขาดหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าอะไหล่ที่นำเข้ามานั้นได้ติดไปกับเครื่องจักรที่ส่งออก จึงจะมีปัญหาในการตัดบัญชี เพื่อปลดภาระภาษีอะไหล่ดังกล่าว กรณีที่สอบถาม มีคำแนะนำดังนี้
1. หากนำเข้าอะไหล่ดังกล่าวเข้ามาเกิน 5 ปีแล้ว ให้ยื่นขอจำหน่ายโดยไม่มีภาระภาษี
2. หากนำเข้าอะไหล่ดังกล่าวเข้ามายังไม่ครบ 5 ปี ให้ยื่นขอส่งคืนไปต่างประเทศ แต่จะมีปัญหาใน การพิสูจน์ว่าอะไหล่นั้นได้ติดไปกับเครื่องจักรที่ส่งออกหรือไม่ เนื่องจากใบขนขาออกจะระบุเพียงชื่อเครื่องจักร แต่จะไม่ระบุรายการอะไหล่ที่อยู่ในเครื่องจักร
กรณีตามข้อ 2 นี้ ในการยื่นตัดบัญชีอะไหล่ที่ส่งออกไปพร้อมกับเครื่องจักร แนะนำว่าให้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ BOI ที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทว่า นอกจากใบขนขาออกที่ระบุเฉพาะรายการเครื่องจักร (แต่ไม่ระบุรายการอะไหล่) แล้ว บริษัทควรจะจัดเตรียมหลักฐานเพิ่มเติมใดบ้าง เพื่อยืนยันว่าอะไหล่ดังกล่าวได้ติดไปกับเครื่องจักรที่ได้ส่งออกไป
Q1 หากบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ตามรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ (ตามออเดอร์) โดยลูกค้าเเต่ละเคสจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบแตกต่างกัน สามารถทำได้หรือไม่
A1 สามารถทำได้ แต่กระบวนการออกแบบต้องเป็นหนึ่งในขั้นตอนการผลิตที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมจากบีโอไอด้วย
Q2 เราสามารถผลิต Rack หรือ JIG โดยใช้วัตถุดิบบางส่วนที่ลูกค้าซัพพลายมาให้ได้หรือไม่ เช่น Spring, welding parts.
A2 ได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ มาจากแหล่งอื่นแล้วนำมาประกอบเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่ขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ ต้องได้รับการอนุมัติในขั้นตอนการผลิตที่ขอรับการส่งเสริมด้วย
- โครงการที่สิ้นสุดสิทธิทางภาษีเงินได้ และต่อมาได้ยื่นคำขอรับการส่งเสริมตาม ประกาศ กกท ที่ 9/2560 เพื่อลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงาน หรือการใช้พลังงานทดแทน จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี เป็นสัดส่วน 50% ของเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง จากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม นับจากวันที่มีรายได้ภายหลังได้รับบัตรส่งเสริม
- การขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใน ประกาศ สกท ที่ ป.2/2559 และ ประกาศ สกท ที่ ป.3/2559 โดยต้องให้ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบรับรองรายงาน