ไม่ต้องรายงานความคืบหน้าโครงการอีก ทั้งนี้ หากพบว่าระบบฯ ยังกำหนดให้รายงาน โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องโดยอาจต้องแสดงหลักฐาน เพื่อยืนยันสถานะบัตรส่งเสริม เช่น สำเนาใบอนุญาตเปิดดำเนินการ
การสั่งปล่อยถอนธนาคารค้ำประกันเครื่องจักร มีขั้นตอนคือ
1.หลังจากได้รับอนุมัติค้ำประกันแล้ว จะต้องยื่นขออนุมัติบัญชีรายการเครื่องจักร (ชื่อรอง) หรือบัญชีอะไหล่ หรือแม่พิมพ์ ที่ตรงกับรายการที่ใช้ธนาคารค้ำประกันภาษีอากรไว้ (การค้ำประกัน ให้ค้ำประกันเครื่องจักร 1 คำร้อง ต่อ 1 อินวอยซ์)
2.จำนวนเครื่องจักรที่สั่งปล่อยถอนค้ำประกัน เมื่อรวมกับที่เคยสั่งปล่อยไปแล้ว ต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่อนุมัติไว้ในบัญชี
3.การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ไม่ต้องแนบเอกสารใดๆ เนื่องจากเป็นเพียงการเรียกรายการที่เคยได้รับอนุมัติให้ค้ำประกันไว้แล้วมายื่นขอสั่งปล่อยเท่านั้น ซึ่งระบบจะตรวจสอบว่าเป็นไปตามเงื่อนไขตามข้อ 1 และ 2
4.การสั่งปล่อยถอนค้ำประกันเครื่องจักรเก่า ไม่ต้องแนบใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่า เนื่องจากเคยยื่นใบรับรองประสิทธิภาพให้พิจารณาไว้แล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการขออนุญาตค้ำประกัน และขั้นตอนการขออนุมัติบัญชีเครื่องจักร
5.จะต้องยื่นสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ธนาคารค้ำประกัน เว้นแต่จะได้รับขยายระยะเวลาค้ำประกันออกไปอีก
6.ตามประกาศ สกท ที่ ป.4/2556 ข้อ 7.3 BOI จะอนุญาตให้ขยายเวลาค้ำประกัน 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี โดยจะต้องยื่นขอขยายเวลาค้ำประกันก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการค้ำประกันเดิม
7.ข้อควรระวังคือ การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน จะขอสั่งปล่อยได้อินวอยซ์ละครั้งเดียว ดังนั้น หากขอสั่งปล่อยไม่ครบตามจำนวนที่ค้ำประกันไว้ จะต้องชำระภาษีอากรในส่วนที่เหลือ (การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ให้สั่งปล่อยถอนค้ำประกันเครื่องจักร 1 คำร้องต่อ 1 อินวอยซ์)
ให้กรอกมูลค่ารวมจาก ภ.ง.ด.1ก ทุกฉบับ และรวมไฟล์ ภ.ง.ด.1ก เฉพาะหน้าแรกของทุกฉบับเป็นไฟล์เดียวเพื่อแนบ
เบื้องต้นให้กรอกข้อมูลในช่องที่ 1 (กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้)
การรายงานในรอบปี 2561 นี้ ยังไม่มีการปิดระบบฯ ในการกรอกข้อมูลแต่อย่างใด จึงสามารถรายงานในระบบฯ ได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ขอให้บริษัทเร่งดำเนินการกรอกและส่งข้อมูลในระบบฯ เนื่องจากการรายงานล่าช้าอาจส่งผลต่อระบบการขอใช้สิทธิและประโยชน์ต่างๆ ในภายหลัง ทั้งนี้ ในรอบปีถัดไปอาจมีการปิดระบบตามเวลาที่กำหนด
สามารถกรอกข้อมูลและแนบไฟล์งบการเงินฉบับร่างได้ หรือถ้ายังไม่มีร่าง ให้กรอก ‘0’ ในส่วนที่ไม่มีข้อมูลและแนบหนังสือบริษัทชี้แจงเหตุผลและเดือนที่คาดว่าจะสามารถกรอกข้อมูลส่วนนี้ได้ ในระบบฯ ทั้งนี้ หากประสงค์จะแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลในภายหลัง โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อส่งเรื่องคืนให้แก้ไข
-
หากเป็นการลงทุนใหม่ทั้งสิ้น และไม่มีการใช้เครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิม อยู่ในข่ายที่จะขอรับการส่งเสริมได้
โดยมีเงื่อนไขจะต้องได้รับ
GMP สำหรับยาแผนโบราณ หรือ GMP/PICS สำหรับยาแผนปัจจุบัน
ตามระยะเวลาที่กำหนดหลังได้รับการส่งเสริม และได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
5 ปี (A3)
-
หากเป็นการลงทุนใหม่ในเครื่องจักร ร่วมกับการใช้เครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิมอยู่ในข่ายที่จะขอรับการส่งเสริมได้
เมื่อมีการยกระดับมาตรฐานการผลิต เช่น จากเดิมไม่ได้ GMP หรือ GMP/PICS
การลงทุนครั้งนี้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าว, ประสิทธิภาพดีขึ้น
และกำลังการผลิตมากขึ้น เป็นต้น โดยเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิมจะอนุญาตให้ใช้ในโครงการได้
แต่จะไม่นับเป็นมูลค่าเงินลงทุนของโครงการ
สิทธิประโยชน์ขึ้นกับประเภทกิจการ
ได้แก่
1. Hybrid Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์
B1
2. Plug-in Hybrid Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์ A4
3. Battery Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์ A3
4. กิจการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับสิทธิ์ A2
5. กิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า ได้รับสิทธิ์ A3
รายละเอียดของสิทธิประโยชน์ A1-4 และ B1-2 สามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซด์ www.boi.go.th และรายละเอียดเพิ่มเติมของประเภทกิจการนี้ สามารถสืบค้นได้ที่นี่
1. การโอนวัตถุดิบ (โอนยอดในระบบ RMTS) ต้องโอนทีเดียว ตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติ
2. ระยะเวลาพิจารณาของ BOI กำหนดไว้ 15 วันทำการ
3. การกรอกบัญชีรายการวัตถุดิบที่โอน-รับโอน ในช่อง "รายการที่" ให้กรอกเลข grp_no ตาม MML
4. (แก้ไข) ช่องรายการวัตถุดิบที่โอนและรับโอน จะกรอกเป็นชื่อหลักหรือชื่อรองก็ได้ แต่จะต้องตรงกันทั้งผู้โอนและผู้รับโอน
หากชื่อไม่ตรงกัน ผู้รับโอนจะต้องขอเพิ่มชื่อรอง ให้ตรงกับชื่อวัตถุดิบของผู้โอน
1. กรณีได้รับสิทธิถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27 หากต้องการซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในกิจการที่ได้รับส่งเสริม (กรณีที่สอบถามคือจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อเก็บสินค้าและวัตถุดิบ) สามารถยื่นขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มเติมได้ ตามแบบฟอร์มหัวข้องานที่ดิน จาก Link นี้
2. ค่าก่อสร้างโกดังสินค้าเพื่อใช้ในโครงการที่ได้รับส่งเสริม สามารถนับเป็นเงินลงทุนตามโครงการได้
3. ค่าที่ดิน ไม่นับเป็นเงินลงทุนที่จะนำไปคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
4. กรณีซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ต้องแยกค่าที่ดินและค่าสิ่งปลูกสร้างโดยชัดเจน มิฉะนั้น จะไม่นับค่าสิ่งปลูกสร้างเป็นเงินลงทุนของโครงการ
เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบการขอถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27 ได้แก่
1. คำขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามแบบ
กกท.40
2. แผนที่ดินโดยสังเขป
โดยให้ระบุลักษณะที่ดิน สถานที่ข้างเคียง ถนนสายสำคัญที่ผ่าน รวมถึงทางเข้า-ออก
3. สำเนาโฉนด และแผนที่ระวางหลังโฉนด
4. แผนผังการใช้ที่ดิน โดยให้แสดงรายละเอียด
ระบุส่วนที่เป็นตัวอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน ห้องเก็บพัสดุ บ้านพัก ถนน สนาม หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
พร้อมทั้งคำนวณเนื้อที่ที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างแต่ละรายการ
และรวมเนื้อที่ทั้งหมดให้ปรากฏอย่างชัดเจนในแผนที่
หากมีที่ดินเหลือจากการก่อสร้างดังกล่าว
ให้ชี้แจงไว้ในแผนที่ด้วยว่าจะใช้ประโยชน์อย่างใดบ้าง
ในกรณีที่ดินมากกว่า 2 โฉนดขึ้นไป ให้ระบุแนวต่อระหว่างโฉนดในแผนที่ด้วย
5. สำเนาบัตรส่งเสริม
6. หนังสือบริษัทฯ
แจ้งความประสงค์ขอถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การสั่งปล่อยวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น ตามมาตรา 36 มี 3 กรณี คือ
1. การสั่งปล่อยปกติ
คือ
การอนุมัติให้ผู้ได้รับการส่งเสริมนำวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับยกเว้นอากรขาเข้า
1.1 กรณีของที่นำเข้ามาเป็นวัตถุดิบ จะใช้หนังสืออนุมัติสั่งปล่อยนั้นเป็นหนังสือค้ำประกันและถอนประกันภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2534 จึงทำให้บริษัทไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มของวัตถุดิบรายการนั้น
1.2
กรณีของที่นำเข้ามาเป็นวัสดุจำเป็น
จะได้รับยกเว้นเฉพาะอากรขาเข้า แต่จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ
2. การสั่งปล่อยถอนการใช้ธนาคารค้ำประกัน
คือ การอนุมัติให้ผู้ได้รับการส่งเสริม ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่เคยใช้ธนาคารค้ำประกันภาษีอากรไว้
พร้อมกับถอนการใช้ธนาคารค้ำประกัน
และใช้หนังสืออนุมัตินั้นเป็นหนังสือค้ำประกันและถอนประกันภาษีมูลค่าเพิ่มของวัตถุดิบ
จึงทำให้บริษัทไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มของวัตถุดิบรายการนั้น
3. การสั่งปล่อยคืนอากร
คือ
การอนุมัติให้ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับคืนอากรขาเข้าของวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่ได้ชำระไปก่อนหน้านั้นแล้ว
แต่ทั้งนี้ จะไม่ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
เนื่องจากเข้าสู่ระบบภาษีซื้อภาษีขายไปแล้ว
ผู้ได้รับส่งเสริมสามารถขอยกเลิกบัตรส่งเสริมในเวลาใดก็ได้
โดยหลักประกัน การคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ทั้งหมดจะสิ้นสุดลงในวันที่ได้รับอนุมัติให้ยกเลิกบัตรส่งเสริม
กรณีที่ได้รับส่งเสริมนำเครื่องจักรและวัตถุดิบเข้ามาโดยการยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า
แต่ต่อมาได้รับอนุมัติให้เลิกบัตรส่งเสริม
เครื่องจักรและวัตถุดิบบางส่วนหรือทั้งหมดอาจมีภาระภาษีที่จะต้องชำระคืน
พร้อมเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ (ถ้ามี)
กรณีที่ผู้ได้รับส่งเสริมเป็นนิติบุคคลต่างด้าว
และใช้สิทธิและประโยชน์ในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ผู้ได้รับส่งเสริมจะต้องจำหน่ายที่ดินดังกล่าวภายใน 1 ปีนับจากวันที่ได้รับอนุมัติให้ยกเลิกบัตรส่งเสริม
กรอกคำขอรับการส่งเสริม โดยจะกรอกเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ และ ในการยื่นคำขอรับการส่งเสริม
ผู้ขอจะต้องจัดเตรียมคำขอทั้งสิ้น 2 ชุด เพื่อยื่นกับ BOI (ผู้ขอควรสำเนาเก็บเป็นหลักฐานจำนวน 1 ชุด)
โดยจะต้องนำคำขอรับการส่งเสริมทั้ง 2 ชุด ไปยื่นต่อกองบริหารการลงทุนที่เป็นผู้ดูแลอุตสาหกรรมที่จะขอรับการส่งเสริมนั้นๆ
โดยตรง
กรณีที่ผู้ขอรับการส่งเสริมมีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศจะยื่นคำขอรับการส่งเสริมผ่านสำนักงาน BOI ในต่างจังหวัดหรือในต่างประเทศ
ซึ่งเป็นผู้ดูแลการส่งเสริมลงทุนในพื้นที่นั้นๆ ก็ได้
1. น่าจะเข้าร่วมได้ เพราะคงไม่มีการเช็คว่าเคยเข้าฟังเมื่อครั้งก่อนหรือไม่
2. เนื้อหาการบรรยายที่จะจัดในต่างจังหวัดในต้นปีหน้า จะเหมือนกับที่จัดไปเมื่อวันก่อน ดังนั้น เข้าฟังสัมมนาเมื่อวันก่อนแล้วยังคงมีข้อสงสัย น่าจะนัดหมายเข้าไปปรึกษากับสำนักที่ดูแลกิจการนั้นๆ จะได้รับคำตอบที่ชัดเจนกว่า
3. เบื้องต้น ADMIN ได้สรุปความแตกต่างของนโยบายเก่าและใหม่ไว้ตาม link : http://faq108.co.th/common/topic/policy2558.php
1. การยื่นขอรับการส่งเสริม (ทั้งกรณีโครงการแรก และกรณีโครงการขยาย) ให้ยื่นผ่านคำขอออนไลน์ตามคำตอบ #1
- เอกสารที่จะต้องแนบ เช่น งบการเงิน หรือเอกสารตามที่กำหนดของแต่ละประเภทกิจการ
- ข้อมูลที่ต้องเตรียม เช่น แผนการเงิน แผนการลงทุน แผนการผลิต การคำนวณต้นทุนการผลิต กำไร/ขาดทุน เป็นต้น
1.การยื่นงบการเงินประกอบคำขอรับการส่งเสริม ปกติจะใช้งบการเงินปีล่าสุดที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้ว แต่ถ้าต้องการส่งล่าสุดที่ยังไม่ได้รับรอง เพื่อเป็นข้อมูล ก็สามารถยื่นเพิ่มเติมไปได้ แต่ก็ต้องส่งงบปีล่าสุดที่รับรองแล้วไปด้วย
นโยบายใหม่ (ประกาศที่ 2/2557) ไม่มีการพูดถึงเรื่องการจะให้ใช้ หรือไม่ให้ใช้ แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ ในวันสัมมนา อาจมีการพูดหลายเรื่องปนกัน จึงทำให้เข้าใจผิด
การให้ใช้ หรือไม่ให้ใช้ แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ เป็นการกำหนดในขั้นพิจารณาอนุมัติให้การส่งเสริม ซึ่งเดิมจะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับส่งเสริมทุกราย ต้องไม่ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ ในโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
ปัจจุบัน BOI มีประกาศ ป.2/2558 ผ่อนผันให้ผู้ได้รับส่งเสริมทุกราย สามารถใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนได้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
การไม่ให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือนี้ จำกัดเฉพาะแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ เช่น งานใช้แรงงาน เท่านั้น ไม่รวมถึงชาวต่างชาติที่เป็นช่างฝีมือ หรือผู้ชำนาญการ คนที่ญี่ปุ่นที่มาทำงานในโครงการ BOI หากเป็นช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการ จะไม่ได้รับผลกระทบอะไร