Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
กรณีบริษัทลงทุนปรับเปลี่ยน 1 กระบวนการผลิต เช่น การบรรจุ จากเดิม เป็นกึ่ง Auto (เป็นการใช้คนหยิบชิ้นงานใส่ซองและเครื่องจักรซีล) เป็นเครื่องบรรจุอัตโนมัติที่หยิบชิ้นงานใส่ซอง โดยระบบเครื่องจักรนี้เป็นเครื่องจักรที่ไม่มีในประเทศไทย กรณีนี้สามารถขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ได้หรือไม่ หรือจะต้องเป็นกระบวนการผลิตหลักเท่านั้น

การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตาม ประกาศ กกท.9/2560 ข้อ 3 และตามคำชี้แจง สกท ลงวันที่ 28 กันยายน 2561 ข้อ 1.4 ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนในขั้นตอนการผลิตหลักเท่านั้น

ดังนั้น หากจะปรับเปลี่ยนเฉพาะในขั้นตอนบรรจุ ก็อยู่ในข่ายที่จะยื่นขอรับส่งเสริมได้ แต่รายละเอียดและสาระในการปรับปรุงจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ จะต้องให้บีโอไอเป็นผู้พิจารณา

กรณีได้รับการส่งเสริมในกิจการ IHQ จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC ได้หรือไม่

เปลี่ยนได้โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ IBC

กรณีได้รับการส่งเสริมในกิจการ ITC จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC ได้หรือไม่

ควรยื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการ IBC เพิ่มเติม เนื่องจากกรณีเปลี่ยนประเภทกิจการจาก ITC เป็นกิจการ IBC จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (ม.28) และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบเพื่อการส่งออก (ม.36)

บริษัทได้รับสิทธิ BOI อยู่เดิมแล้วโครงการหนึ่ง และต่อมาได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติมในปี 2562 ตามมาตรการ solar rooftop ประเด็นเรียนปรึกษา คือ 1. โรงงานเดิมที่เคยได้รับ BOI และใช้สิทธิทางภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งอยู่ที่โคราช 2. ในปี 2562 ได้รับสิทธิ BOI เพิ่ม 1 บัตรจากการสร้าง Solar Rooftop แต่การสร้างนี้อยู่ในโรงงานสมุทรปราการ (ไม่ใช่ส่วนที่เคยได้รับสิทธิทางภาษี BOI) 3. จึงเรียนปรึกษาว่า การใช้สิทธิทางภาษีของบัตร BOI ที่เกิดจากการสร้างหลังคาโซล่าเซลล์ ที่จัดหวัดสมุทรปราการนี้ จะนำมาหักภาษีจากส่วนของภาษีเงินนิติบุคคลปกติ (ส่วนของโรงงานที่ไม่ได้ใช้สิทธิ BOI) หรือ สามารถนำสิทธินี้ไปเพิ่ม ในส่วนของสิทธิที่มีอยู่เดิมที่โคราช เนื่องจากเดิมต้องแยกบัญชีรายการขาย กำลังการผลิต ประมาณการผลิต ของส่วนโคราชแยกจากกันอย่างชัดเจนเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ส่วนหลังคา Solar Rooftop ที่จังหวัดสมุทรปราการ จะจัดทำรายงานบัญชีแยกไม่ได้เนื่องจากหลังคาอยู่คนละสถานที่กับส่วนที่เคยได้รับสิทธิ BOI จากการผลิตสินค้า (19 มี.ค. 2563)

เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอเรียบเรียงข้อเท็จจริงที่ได้แจ้งมาดังนี้ หากมีความเข้าใจไม่ตรงกันอย่างไรโปรดแจ้ง

1. บริษัทมี 2 ที่ตั้ง คือ ที่จังหวัดสมุทรปราการ และนครราชสีมา

2. โครงการที่จังหวัดนครราชสีมาได้รับการส่งเสริม (BOI) มาก่อน

3. ภายหลังโครงการที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ Solar

4. ทั้งสองโครงการเป็นสายการผลิตแยกกันเด็ดขาด และมีการทำบัญชีกำไรขาดทุนแยกกันโดยชัดเจน

หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้องขอนำเรียนดังนี้

1. BOI ให้การส่งเสริมแยกเป็นรายโครงการ ดังนั้นโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Solar Rooftop ของโรงงานสมุทรปราการจะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ม.31) ได้เฉพาะสำหรับกำไรที่เกิดขึ้นในโครงการที่ได้รับส่งเสริมในโรงงานสมุทรปราการเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้กับกำไรจากโครงการอื่นของบริษัทได้

2. การพิจารณาว่ากำไรส่วนใดเป็นกำไรจากสายการผลิตใดที่ได้รับส่งเสริม ให้ดูจากแบบฟอร์มคำขอที่ได้ยื่นกับสำนักงาน ซึ่งจะระบุชื่อผลิตภัณฑ์และกำลังการผลิตที่ได้รับส่งเสริม ในหัวข้อเงื่อนไขเฉพาะโครงการในบัตรส่งเสริมตามาตรการ Solar ของโครงการสมุทรปราการ

3. โครงการเดิมที่ได้รับส่งเสริมที่จังหวัดนครราชสีมา น่าจะได้รับส่งเสริมตามมาตรการทั่วไป ไม่สามารถนำมาปะปนกับโครงการที่จังหวัดสมุทรปราการได้

4. การบันทึกสินทรัพย์ส่วน Solar ให้อยู่กับโครงการสมุทรปราการน่าจะถูกต้องแล้ว ค่าเสื่อม สิทธิยกเว้นภาษี บัญชีกำไรขาดทุนที่แยกกันระหว่าง 2 โครงการน่าจะถูกต้องตามหลักการแล้ว

บริษัทได้รับการส่งเสริมบัตรใหม่ ซึ่งมี 2 ผลิตภัณฑ์และ 1 ในผลิตภัณฑ์นั้นผลิตเพื่อส่งต่อให้กับบัตรอื่นๆ จึงทำให้ไม่มีกำไรจากการขาย ตามความเข้าใจของบริษัท บัตรนี้จะต้องขาดทุนตลอดไปใช่หรือไม่

กรณีการขายสินค้าในบริษัทเดียวกัน เช่น บัตรที่ 1 ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ขายให้บัตรที่ 2 ผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป เท่าที่ทราบคือ การซื้อขายในบริษัทเดียวกัน จะต้องลงบัญชีเป็นการซื้อขายในราคาต้นทุน คือบัตรที่ 1 จะต้องขายในราคาต้นทุนให้กับบัตรที่ 2 ดังนั้น บัตรที่ 1 จึงจะไม่มีกำไรที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนนี้

ส่วนบัตรที่ 2 เป็นการจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทอื่น จึงสามารถใช้สิทธิได้ตามปกติ (ส่งผลให้กำไรในส่วนที่ควรเป็นของบัตรที่ 1 ถูกรวมเป็นกำไรของบัตรที่ 2 เนื่องจากซื่อขายกันในราคาต้นทุน)

เนื่องจากข้อสอบถาม ไม่ได้เป็นข้อกฎหมายของ BOI จึงขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ผู้สอบบัญชี หรือกรมสรรพากร อีกครั้งหนึ่ง

บริษัทได้รับบัตรส่งเสริมจาก BOI จนจะครบ 6 ในวันที่ 3 มีนาคม 2561 อยากทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
1. หลักเกณฑ์ปัจจุบัน (มีผลถึงเดือน ก.ค. 2561)

- ต้องรายงานผลการดำเนินการเมื่อครบกำหนด 6 เดือน 1 ปี และ 2 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม

- ยื่นรายงานออนไลน์ผ่านระบบ Project Monitoring (https://boieservice.boi.go.th/PM/)

- ใช้ username และ password เดียวกันกับระบบตรวจสอบเอกสารออนไลน์ (doctracking system) 2. หลักเกณฑ์ใหม่ (มีผลตั้งแต่เดือน ก.ค. 2561)

- ต้องรายงานผลการดำเนินการทุกเดือนกุมภาพันธ์และเดือนกรกฎาคม ของทุกปี จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ

- ยื่นรายงานออนไลน์ผ่านระบบ e-Monitoring (https://emonitoring.boi.go.th/)

- ใช้ username และ password เดียวกันกับระบบตรวจสอบเอกสารออนไลน์ (doctracking system) กรณีของบริษัทฯ จะครบกำหนด 6 เดือนในเดือนมีนาคม 61

- จึงต้องรายงานความคืบหน้าในเดือนมีนาคม 61 ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน

- หลังจากนั้น จะต้องรายงานความคืบหน้าในเดือนกรกฎาคมและกุมภาพันธ์ ของทุกปี เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 61 นี้ ไปจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ

คำขออนุญาตเปิดดำเนินการ ยื่นในระบบ หรือ ส่งเอกสารที่สำนักงาน งบการเงินยังไม่เสร็จ ต้องทำอย่างไร

การขออนุญาตเปิดดำเนินการต่อ BOI เป็นการแจ้งต่อ BOI ว่า บริษัทได้มีการลงทุนครบตามโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม สามารถผลิตสินค้าหรือให้บริการให้ครบตามกำลังผลิตหรือขอบข่ายการให้บริการ ที่ระบุในบัตรส่งเสริม และมีขนาดการลงทุน เงินทุนจดทะเบียน ที่ตั้งโรงงาน ฯลฯ ถูกต้องตามเงื่อนไขที่ระบุในบัตรส่งเสริม โดยปกติ BOI จะกำหนดระยะเวลาที่จะต้องเปิดดำเนินการ คือภายใน 3 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม กรณีที่บริษัทยังลงทุนไม่ครบตามโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม เช่น ยังนำเครื่องจักรเข้ามาไม่เต็มกำลังผลิต บริษัทสามารถเริ่มผลิตไปก่อนได้ โดยไม่ต้องยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI จนกระทั่งลงทุนครบตามโครงการที่ขอรับส่งเสริมแล้ว จึงค่อยยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI

ตอบคำถาม

1. ยื่นเป็นเอกสารตามแบบฟอร์มที่กำหนด โดยต้องจัดเตรียมเอกสารแนบเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 รายการ

2. ถ้างบการเงินยังไม่เสร็จ น่าจะยังไม่ใช่กรณีที่ครบเงื่อนไขต้องยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI

เคยยื่นขอแก้ไขโครงการเนื่องจากต้องนำเข้าเครื่องจักรเก่าไม่เกิน 5 ปี และได้รับอนุมัติ และทำการนำเข้าแล้ว ต่อมามีความต้องการนำเข้าเครื่องจักรเก่าอีก ต้องยื่นขออนุญาตใหม่หรือไม่ หรือสามารถนำเข้าได้เลย(เครื่องจักรตัวที่ 2 เป็นคนละประเภทกับตัวแรก)

การขออนุญาตใช้เครื่องจักรเก่าไม่เกิน 5 ปี (หรือ 10 ปี ตามหลักเกณฑ์เก่า) จะขออนุญาตเป็นหลักการเพียงครั้งเดียว หากได้รับอนุมัติให้ใช้เครื่องจักรเก่า ในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริมจะระบุเฉพาะปีที่ผลิตของเครื่องจักรเก่า โดยไม่ระบุชนิดและประมาณเครื่องจักรเก่า ดังนั้น หากจะใช้เครื่องจักรเก่าเครื่องอื่นซึ่งเก่าไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนดในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริม ก็ไม่ต้องยื่นขออนุญาตอีก ลองตรวจสอบเงื่อนไขเครื่องจักรเก่าในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริมดูอีกครั้ง ว่ากำหนดเฉพาะปีผลิตตามที่ได้ตอบไปนี้หรือไม่

กรณีเปลี่ยนรอบปีบัญชีจาก 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. เป็น 1 ก.ค.- 30 มิ.ย. แล้วต้องรายงานความคืบหน้าโครงการ และยื่นแบบรายงานผลการดำเนินการประจำปี อย่างไร

การรายงานความคืบหน้าโครงการ หลังจากที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน บริษัทจะต้องรายงานผลความคืบหน้าโครงการตามบัตรส่งเสริม โดยการกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ภายในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม ปีละ 2 ครั้งของทุกปี

จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ ตามลิงก์: https://emonitoring.boi.go.th โดยสำหรับรอบ ก.พ. ต้องกรอกมูลค่าเงินลงทุนของปีที่ผ่านมา โดยยึดมูลค่าลงทุนที่เกิดขึ้นตามปีปฏิทิน ม.ค. - ธ.ค. (ไม่เกี่ยวกับรอบปีบัญชี) ส่วนการรายงานผลการดำเนินการประจำปี

บริษัทสามารถกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ซึ่งต้องมีการรายงานปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ตามลิงก์: https://emonitoring.boi.go.th โดยการรายงานผลการดำเนินการประจำปี นั้น ต้องกรอกข้อมูลรอบปีบัญชีที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้

  • รายงานประจำปี 2562 ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2561 (1 ม.ค. 61 – 31 ธ.ค. 61)
  • รายงานประจำปี 2563 (ก.ค. ปีหน้า) ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2562 (1 ก.ค. 62 – 30 มิ.ย. 63)
  • รายงานประจำปี 2564 ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2563 (1 ก.ค. 63 – 30 มิ.ย. 64)

หมายเหตุ: ช่วงเปลี่ยนรอบปีบัญชี (1 ม.ค. 62 – 30 มิ.ย. 62) ไม่จำเป็นต้องแก้ไขข้อมูลเพียงแต่ดำเนินการตามระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด

การผลิตเครื่องมือแพทย์จำเป็นต้องผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Cleanroom) เท่านั้นหรือไม่ จึงจะอยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริม
ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องมือแพทย์ โดยหากเป็นไปตามมาตรฐานที่ อย. กำหนดก็จะอยู่ในข่ายให้การส่งเสริม
การขยายเวลาเปิดดำเนินการ

กรณีได้รับอนุมัติขยายเวลาเปิดดำเนินการ เอกสารที่ใช้ยื่นแก้ไขบัตรส่งเสริม มีดังนี้

                   1. สำเนาหนังสืออนุมัติขยายเวลาเปิดดำเนินการ

                   2. บัตรส่งเสริม (ฉบับจริง)

ยื่นเอกสารได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สำนักงานใหญ่) กลุ่มบัตรส่งเสริม ชั้น 3

ในกรณีที่บริษัทต้องการขอรับการส่งเสริมบัตรเพิ่มอีก 1 บัตร จะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง

1. การยื่นขอรับการส่งเสริม ให้ยื่นผ่านคำขอออนไลน์ผ่านระบบ e-Investment Promotion

- เอกสารที่จะต้องแนบ เช่น งบการเงิน หรือเอกสารตามที่กำหนดของแต่ละประเภทกิจการ

- ข้อมูลที่ต้องเตรียม เช่น แผนการเงิน แผนการลงทุน แผนการผลิต ขั้นตอนการผลิต การคำนวณต้นทุนการผลิต กำไร/ขาดทุน เป็นต้น หรือ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.boi.go.th/index.php?page=before_promo_apply_form

กรณีบริษัทนำเข้าวัตถุดิบโดยการสงวนสิทธิ์ขอคืนอากรภายหลังบางส่วน หลังจากกรมศุลกากรอนุมัติคืนอากรดังกล่าวแล้ว บริษัทสามารถขอคืนภาษีซื้อที่ชำระไว้พร้อมกับอากรขาเข้าก้อนนั้นกับกรมสรรพากรได้ปกติหรือไม่
1. ในการนำเข้า บริษัทสามารถชำระภาษีสงวนสิทธิเป็นบางรายการได้

2. ในการขอใช้สิทธิสั่งปล่อยคืนอากรต่อ BOI จะได้รับอนุมัติให้สั่งปล่อยคืนอากรเฉพาะเอากรขาเข้าเท่านั้น ส่วน vat เข้าสู่ระบบ vat ซื้อ vat ขาย ตามปกติไปแล้ว จึงจะไม่ได้รับคืนจากการใช้สิทธิ BOI

หากบริษัทต้องการใช้สิทธิบีโอไอเพื่อยกเว้นอากรขาเข้าแต่ ไม่ต้องการค้ำ vat บริษัทต้องทำยังไงบ้าง

การอนุมัติสั่งปล่อยของ BOI เป็นการอนุมัติยกเว้นเฉพาะอากรขาเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 36 เท่านั้น ส่วนการใช้หนังสืออนุมัติของ BOI ในการค้ำและถอนค้ำ VAT เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 20) วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 หากบริษัทจะไม่ใช้หนังสือ BOI ในการค้ำ/ถอนค้ำ VAT จะต้องสอบถามกับกรมศุลกากรโดยตรง

ในกรณีเรายื่นขอรับการส่งเสริมฯ ต้องใช้งบการเงินของปีไหน

การยื่นงบการเงินประกอบคำขอรับการส่งเสริม ปกติจะใช้งบการเงินปีล่าสุดที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้ว แต่ถ้าต้องการส่งล่าสุดที่ยังไม่ได้รับรอง เพื่อเป็นข้อมูล ก็สามารถยื่นเพิ่มเติมไปได้ แต่ก็ต้องส่งงบปีล่าสุดที่รับรองแล้วไปด้วย

"โดยจะผ่อนผันให้ใช้ที่ดินเพื่อการอื่นได้ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27" มีกำหนดระยะเวลาไหม
ในการผ่อนผันให้ใช้ที่ดินเพื่อการอื่น จะไม่กำหนดระยะเวลา
มาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่า

การดำเนินการตามมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่

กิจการสิ่งพิมพ์ ให้ใช้มาตรฐาน OHSAS 18001 และ FSSC 22000 เทียบเท่ามาตรฐาน ISO 9000 และ 14000 ได้

หากนำผลงานวิจัยภาครัฐด้านเครื่องมือแพทย์มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพานิชย์จะเข้าข่ายได้รับการส่งเสริมอย่างไรบ้าง
จะเข้าข่ายให้การส่งเสริมได้ในประเภท 3.11.1 โดยหากมีแผนการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมต่อเนื่องจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (A1) และหากไม่มีแผนการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมต่อเนื่องจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (A2)
หากบริษัทฯ ใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีครบตามที่กำหนดแล้ว บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องยื่นรายงานอะไร ให้ BOI บ้างคะ ขอทราบชื่อรายงานและกำหนดส่งรายงานคะ (19 มี.ค. 2563)

กรณียังไม่เปิดดำเนินการ บริษัทจะต้องรายงานผลความคืบหน้าโครงการตามบัตรส่งเสริม โดยการกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ภายในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม ปีละ 2 ครั้งจนกว่าจะได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการ

กรณีเปิดดำเนินการแล้ว บริษัทต้องดำเนินการรายงานผลการดำเนินการประจำปี โดยบริษัทสามารถกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ซึ่งต้องมีการรายงานปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ตามลิงค์: https://emonitoring.boi.go.th โดยการรายงานผลการดำเนินการประจำปีนั้น มีขั้นตอนดังนี้

บริษัทต้องการนำเข้าเครื่องจักรใหม่จากต่างประเทศ คำถามคือ เครื่องจักรที่จะนำเข้ามานี้ สามารถผลิตทั้งสินค้าที่ได้รับส่งเสริม BOI และ NON BOI ทางบริษัทสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้หรือไม่ และสามารถนำมูลค่าเครื่องจักรนี้ เป็นมูลค่า CAP ได้หรือไม่ สาระสำคัญของเครื่องจักรนี้จะแตกต่างกันตรงแม่พิมพ์ที่ใช้ปั้มฟิน โดยจะแยกระหว่างแม่พิมพ์ BOI และ NON BOI จะเป็นคนละตัวกัน และแม่พิมพ์นี้ก็นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่นกันกับเครื่องจักร คำถามคือ สามารถใช้สิทธิยกเว้นอากรได้หรือไม่ และ สามารถใช้เป็น CAP วงเงินได้หรือไม่

เครื่องจักรที่นำเข้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษี จะต้องใช้เฉพาะโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น หากจะใช้เพื่อการอื่นจะต้องได้รับอนุญาตจาก BOI ก่อน

เครื่องจักรที่นำเข้าโดยชำระภาษี หากจะใช้ทั้งโครงการ BOI และ Non BOI ไม่ถือเป็นการขัดเงื่อนไข แต่จะ cap วงเงินให้ตามสัดส่วนกำลังผลิตของเครื่องจักรนั้น

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map