Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
กรณีบริษัทลงทุนปรับเปลี่ยน 1 กระบวนการผลิต เช่น การบรรจุ จากเดิม เป็นกึ่ง Auto (เป็นการใช้คนหยิบชิ้นงานใส่ซองและเครื่องจักรซีล) เป็นเครื่องบรรจุอัตโนมัติที่หยิบชิ้นงานใส่ซอง โดยระบบเครื่องจักรนี้เป็นเครื่องจักรที่ไม่มีในประเทศไทย กรณีนี้สามารถขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ได้หรือไม่ หรือจะต้องเป็นกระบวนการผลิตหลักเท่านั้น

การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตาม ประกาศ กกท.9/2560 ข้อ 3 และตามคำชี้แจง สกท ลงวันที่ 28 กันยายน 2561 ข้อ 1.4 ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนในขั้นตอนการผลิตหลักเท่านั้น

ดังนั้น หากจะปรับเปลี่ยนเฉพาะในขั้นตอนบรรจุ ก็อยู่ในข่ายที่จะยื่นขอรับส่งเสริมได้ แต่รายละเอียดและสาระในการปรับปรุงจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ จะต้องให้บีโอไอเป็นผู้พิจารณา

สามารถยื่นเรื่องไปที่ สรรพากรได้เลยใช่ไหม

แสดงตัวเลขผลขาดทุนของกิจการที่ได้รับส่งเสริมมาตั้งแต่ปีแรก ซึ่งเมื่อสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ตามสิทธิมาตรา 31 ก็สามารถนำผลขาดทุนสะสมดังกล่าวไปหักจากกำไรสุทธิในปีหลังจากสิ้นสุดสิทธิยกเว้นภาษี

กรณีได้รับการส่งเสริมในกิจการ IHQ จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC ได้หรือไม่

เปลี่ยนได้โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ IBC

กรณีได้รับการส่งเสริมในกิจการ ITC จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC ได้หรือไม่

ควรยื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการ IBC เพิ่มเติม เนื่องจากกรณีเปลี่ยนประเภทกิจการจาก ITC เป็นกิจการ IBC จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (ม.28) และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบเพื่อการส่งออก (ม.36)

บริษัทได้รับการส่งเสริมบัตรใหม่ ซึ่งมี 2 ผลิตภัณฑ์และ 1 ในผลิตภัณฑ์นั้นผลิตเพื่อส่งต่อให้กับบัตรอื่นๆ จึงทำให้ไม่มีกำไรจากการขาย ตามความเข้าใจของบริษัท บัตรนี้จะต้องขาดทุนตลอดไปใช่หรือไม่

กรณีการขายสินค้าในบริษัทเดียวกัน เช่น บัตรที่ 1 ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ขายให้บัตรที่ 2 ผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป เท่าที่ทราบคือ การซื้อขายในบริษัทเดียวกัน จะต้องลงบัญชีเป็นการซื้อขายในราคาต้นทุน คือบัตรที่ 1 จะต้องขายในราคาต้นทุนให้กับบัตรที่ 2 ดังนั้น บัตรที่ 1 จึงจะไม่มีกำไรที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนนี้

ส่วนบัตรที่ 2 เป็นการจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทอื่น จึงสามารถใช้สิทธิได้ตามปกติ (ส่งผลให้กำไรในส่วนที่ควรเป็นของบัตรที่ 1 ถูกรวมเป็นกำไรของบัตรที่ 2 เนื่องจากซื่อขายกันในราคาต้นทุน)

เนื่องจากข้อสอบถาม ไม่ได้เป็นข้อกฎหมายของ BOI จึงขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ผู้สอบบัญชี หรือกรมสรรพากร อีกครั้งหนึ่ง

บริษัทได้รับสิทธิ BOI อยู่เดิมแล้วโครงการหนึ่ง และต่อมาได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติมในปี 2562 ตามมาตรการ solar rooftop ประเด็นเรียนปรึกษา คือ 1. โรงงานเดิมที่เคยได้รับ BOI และใช้สิทธิทางภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งอยู่ที่โคราช 2. ในปี 2562 ได้รับสิทธิ BOI เพิ่ม 1 บัตรจากการสร้าง Solar Rooftop แต่การสร้างนี้อยู่ในโรงงานสมุทรปราการ (ไม่ใช่ส่วนที่เคยได้รับสิทธิทางภาษี BOI) 3. จึงเรียนปรึกษาว่า การใช้สิทธิทางภาษีของบัตร BOI ที่เกิดจากการสร้างหลังคาโซล่าเซลล์ ที่จัดหวัดสมุทรปราการนี้ จะนำมาหักภาษีจากส่วนของภาษีเงินนิติบุคคลปกติ (ส่วนของโรงงานที่ไม่ได้ใช้สิทธิ BOI) หรือ สามารถนำสิทธินี้ไปเพิ่ม ในส่วนของสิทธิที่มีอยู่เดิมที่โคราช เนื่องจากเดิมต้องแยกบัญชีรายการขาย กำลังการผลิต ประมาณการผลิต ของส่วนโคราชแยกจากกันอย่างชัดเจนเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ส่วนหลังคา Solar Rooftop ที่จังหวัดสมุทรปราการ จะจัดทำรายงานบัญชีแยกไม่ได้เนื่องจากหลังคาอยู่คนละสถานที่กับส่วนที่เคยได้รับสิทธิ BOI จากการผลิตสินค้า (19 มี.ค. 2563)

เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอเรียบเรียงข้อเท็จจริงที่ได้แจ้งมาดังนี้ หากมีความเข้าใจไม่ตรงกันอย่างไรโปรดแจ้ง

1. บริษัทมี 2 ที่ตั้ง คือ ที่จังหวัดสมุทรปราการ และนครราชสีมา

2. โครงการที่จังหวัดนครราชสีมาได้รับการส่งเสริม (BOI) มาก่อน

3. ภายหลังโครงการที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ Solar

4. ทั้งสองโครงการเป็นสายการผลิตแยกกันเด็ดขาด และมีการทำบัญชีกำไรขาดทุนแยกกันโดยชัดเจน

หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้องขอนำเรียนดังนี้

1. BOI ให้การส่งเสริมแยกเป็นรายโครงการ ดังนั้นโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Solar Rooftop ของโรงงานสมุทรปราการจะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ม.31) ได้เฉพาะสำหรับกำไรที่เกิดขึ้นในโครงการที่ได้รับส่งเสริมในโรงงานสมุทรปราการเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้กับกำไรจากโครงการอื่นของบริษัทได้

2. การพิจารณาว่ากำไรส่วนใดเป็นกำไรจากสายการผลิตใดที่ได้รับส่งเสริม ให้ดูจากแบบฟอร์มคำขอที่ได้ยื่นกับสำนักงาน ซึ่งจะระบุชื่อผลิตภัณฑ์และกำลังการผลิตที่ได้รับส่งเสริม ในหัวข้อเงื่อนไขเฉพาะโครงการในบัตรส่งเสริมตามาตรการ Solar ของโครงการสมุทรปราการ

3. โครงการเดิมที่ได้รับส่งเสริมที่จังหวัดนครราชสีมา น่าจะได้รับส่งเสริมตามมาตรการทั่วไป ไม่สามารถนำมาปะปนกับโครงการที่จังหวัดสมุทรปราการได้

4. การบันทึกสินทรัพย์ส่วน Solar ให้อยู่กับโครงการสมุทรปราการน่าจะถูกต้องแล้ว ค่าเสื่อม สิทธิยกเว้นภาษี บัญชีกำไรขาดทุนที่แยกกันระหว่าง 2 โครงการน่าจะถูกต้องตามหลักการแล้ว

บริษัทได้รับบัตรส่งเสริมจาก BOI จนจะครบ 6 ในวันที่ 3 มีนาคม 2561 อยากทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
1. หลักเกณฑ์ปัจจุบัน (มีผลถึงเดือน ก.ค. 2561)

- ต้องรายงานผลการดำเนินการเมื่อครบกำหนด 6 เดือน 1 ปี และ 2 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม

- ยื่นรายงานออนไลน์ผ่านระบบ Project Monitoring (https://boieservice.boi.go.th/PM/)

- ใช้ username และ password เดียวกันกับระบบตรวจสอบเอกสารออนไลน์ (doctracking system) 2. หลักเกณฑ์ใหม่ (มีผลตั้งแต่เดือน ก.ค. 2561)

- ต้องรายงานผลการดำเนินการทุกเดือนกุมภาพันธ์และเดือนกรกฎาคม ของทุกปี จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ

- ยื่นรายงานออนไลน์ผ่านระบบ e-Monitoring (https://emonitoring.boi.go.th/)

- ใช้ username และ password เดียวกันกับระบบตรวจสอบเอกสารออนไลน์ (doctracking system) กรณีของบริษัทฯ จะครบกำหนด 6 เดือนในเดือนมีนาคม 61

- จึงต้องรายงานความคืบหน้าในเดือนมีนาคม 61 ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน

- หลังจากนั้น จะต้องรายงานความคืบหน้าในเดือนกรกฎาคมและกุมภาพันธ์ ของทุกปี เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 61 นี้ ไปจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ

คำขออนุญาตเปิดดำเนินการ ยื่นในระบบ หรือ ส่งเอกสารที่สำนักงาน งบการเงินยังไม่เสร็จ ต้องทำอย่างไร

การขออนุญาตเปิดดำเนินการต่อ BOI เป็นการแจ้งต่อ BOI ว่า บริษัทได้มีการลงทุนครบตามโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม สามารถผลิตสินค้าหรือให้บริการให้ครบตามกำลังผลิตหรือขอบข่ายการให้บริการ ที่ระบุในบัตรส่งเสริม และมีขนาดการลงทุน เงินทุนจดทะเบียน ที่ตั้งโรงงาน ฯลฯ ถูกต้องตามเงื่อนไขที่ระบุในบัตรส่งเสริม โดยปกติ BOI จะกำหนดระยะเวลาที่จะต้องเปิดดำเนินการ คือภายใน 3 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม กรณีที่บริษัทยังลงทุนไม่ครบตามโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม เช่น ยังนำเครื่องจักรเข้ามาไม่เต็มกำลังผลิต บริษัทสามารถเริ่มผลิตไปก่อนได้ โดยไม่ต้องยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI จนกระทั่งลงทุนครบตามโครงการที่ขอรับส่งเสริมแล้ว จึงค่อยยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI

ตอบคำถาม

1. ยื่นเป็นเอกสารตามแบบฟอร์มที่กำหนด โดยต้องจัดเตรียมเอกสารแนบเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 รายการ

2. ถ้างบการเงินยังไม่เสร็จ น่าจะยังไม่ใช่กรณีที่ครบเงื่อนไขต้องยื่นขอเปิดดำเนินการต่อ BOI

เคยยื่นขอแก้ไขโครงการเนื่องจากต้องนำเข้าเครื่องจักรเก่าไม่เกิน 5 ปี และได้รับอนุมัติ และทำการนำเข้าแล้ว ต่อมามีความต้องการนำเข้าเครื่องจักรเก่าอีก ต้องยื่นขออนุญาตใหม่หรือไม่ หรือสามารถนำเข้าได้เลย(เครื่องจักรตัวที่ 2 เป็นคนละประเภทกับตัวแรก)

การขออนุญาตใช้เครื่องจักรเก่าไม่เกิน 5 ปี (หรือ 10 ปี ตามหลักเกณฑ์เก่า) จะขออนุญาตเป็นหลักการเพียงครั้งเดียว หากได้รับอนุมัติให้ใช้เครื่องจักรเก่า ในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริมจะระบุเฉพาะปีที่ผลิตของเครื่องจักรเก่า โดยไม่ระบุชนิดและประมาณเครื่องจักรเก่า ดังนั้น หากจะใช้เครื่องจักรเก่าเครื่องอื่นซึ่งเก่าไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนดในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริม ก็ไม่ต้องยื่นขออนุญาตอีก ลองตรวจสอบเงื่อนไขเครื่องจักรเก่าในหนังสือแจ้งมติและบัตรส่งเสริมดูอีกครั้ง ว่ากำหนดเฉพาะปีผลิตตามที่ได้ตอบไปนี้หรือไม่

กรณีเปลี่ยนรอบปีบัญชีจาก 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. เป็น 1 ก.ค.- 30 มิ.ย. แล้วต้องรายงานความคืบหน้าโครงการ และยื่นแบบรายงานผลการดำเนินการประจำปี อย่างไร

การรายงานความคืบหน้าโครงการ หลังจากที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน บริษัทจะต้องรายงานผลความคืบหน้าโครงการตามบัตรส่งเสริม โดยการกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ภายในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม ปีละ 2 ครั้งของทุกปี

จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ ตามลิงก์: https://emonitoring.boi.go.th โดยสำหรับรอบ ก.พ. ต้องกรอกมูลค่าเงินลงทุนของปีที่ผ่านมา โดยยึดมูลค่าลงทุนที่เกิดขึ้นตามปีปฏิทิน ม.ค. - ธ.ค. (ไม่เกี่ยวกับรอบปีบัญชี) ส่วนการรายงานผลการดำเนินการประจำปี

บริษัทสามารถกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ซึ่งต้องมีการรายงานปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ตามลิงก์: https://emonitoring.boi.go.th โดยการรายงานผลการดำเนินการประจำปี นั้น ต้องกรอกข้อมูลรอบปีบัญชีที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้

  • รายงานประจำปี 2562 ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2561 (1 ม.ค. 61 – 31 ธ.ค. 61)
  • รายงานประจำปี 2563 (ก.ค. ปีหน้า) ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2562 (1 ก.ค. 62 – 30 มิ.ย. 63)
  • รายงานประจำปี 2564 ต้องกรอกข้อมูลปีบัญชี 2563 (1 ก.ค. 63 – 30 มิ.ย. 64)

หมายเหตุ: ช่วงเปลี่ยนรอบปีบัญชี (1 ม.ค. 62 – 30 มิ.ย. 62) ไม่จำเป็นต้องแก้ไขข้อมูลเพียงแต่ดำเนินการตามระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด

การผลิตเครื่องมือแพทย์จำเป็นต้องผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Cleanroom) เท่านั้นหรือไม่ จึงจะอยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริม
ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องมือแพทย์ โดยหากเป็นไปตามมาตรฐานที่ อย. กำหนดก็จะอยู่ในข่ายให้การส่งเสริม
การขยายเวลาเปิดดำเนินการ

กรณีได้รับอนุมัติขยายเวลาเปิดดำเนินการ เอกสารที่ใช้ยื่นแก้ไขบัตรส่งเสริม มีดังนี้

                   1. สำเนาหนังสืออนุมัติขยายเวลาเปิดดำเนินการ

                   2. บัตรส่งเสริม (ฉบับจริง)

ยื่นเอกสารได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สำนักงานใหญ่) กลุ่มบัตรส่งเสริม ชั้น 3

กรณีบริษัทนำเข้าวัตถุดิบโดยการสงวนสิทธิ์ขอคืนอากรภายหลังบางส่วน หลังจากกรมศุลกากรอนุมัติคืนอากรดังกล่าวแล้ว บริษัทสามารถขอคืนภาษีซื้อที่ชำระไว้พร้อมกับอากรขาเข้าก้อนนั้นกับกรมสรรพากรได้ปกติหรือไม่
1. ในการนำเข้า บริษัทสามารถชำระภาษีสงวนสิทธิเป็นบางรายการได้

2. ในการขอใช้สิทธิสั่งปล่อยคืนอากรต่อ BOI จะได้รับอนุมัติให้สั่งปล่อยคืนอากรเฉพาะเอากรขาเข้าเท่านั้น ส่วน vat เข้าสู่ระบบ vat ซื้อ vat ขาย ตามปกติไปแล้ว จึงจะไม่ได้รับคืนจากการใช้สิทธิ BOI

ขอทราบประกาศหรือคำสั่งอ้างอิง สำหรับการมอบอำนาจให้ผู้บริหารกระทำการแทน สำหรับการพิจารณาคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ที่มีขนาดการลงทุน ไม่เกิน 40 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน และทุนหมุนเวียน)

น่าจะเป็นคำสั่งสำนักงาน BOI ฉบับที่ 218/2556 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2556 เรื่อง มอบอำนาจให้รองเลขาธิการ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกอง ผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาค และหัวหน้าสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนต่างประเทศ สั่งและปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

ซึ่งมอบอำนาจให้รองเลขาธิการ และที่ปรึกษาด้านการลงทุน พิจารณาอนุมัติการให้การส่งเสริม สำหรับโครงการที่มีการลงทุนขนาดไม่เกิน 40 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน เฉพาะโครงการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนด

แต่เนื่องจากคำสั่งมอบอำนาจ ไม่ได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ BOI จึงต้องรบกวนให้ติดต่อขอจาก BOI โดยตรง

1. ถ้าบริษัทต้องการเพิ่ม Line การผลิตในพื้นที่ว่างของโรงงานเดิมที่ได้รับการส่งเสริมอยู่แล้ว แต่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่คือ โยเกิร์ต และพาสเจอร์ไรส์ และเป็นกระบวนการใหม่ทั้งหมด อยากทราบว่าบริษัทสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่คือ โยเกิร์ต และพาสเจอร์ไรส์ ไว้ในบัตรส่งเสริมเดิมได้หรือไม่ 2. บริษัทจะขอบัตรส่งเสริมใหม่โดยสร้าง Line การผลิตใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่คือ โยเกิร์ต และพาสเจอร์ไรส์ ในพื้นที่โครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมเดิมอยู่แล้วได้หรือไม่ 3 บริษัทสามารถนำเครื่องจักรเก่าจากโครงการที่ไม่ได้รับสิทธิ์บางส่วน ในผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต และพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปี มาติดตั้งในโครงการใหม่ที่จะขอรับการส่งเสริม แต่ในพื้นที่โครงการเดิมที่ได้รับสิทธิ์บีโอไออยู่แล้วได้หรือไม่ อย่างไร
1.สามารถขอแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์ใหม่โดยมีการลงทุนเพิ่มเติมได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของประกาศ สกท. ที่ ป.3/2547 คือดังนี้

1.1 โครงการเดิมต้องยังไม่เปิดดำเนินการ หรือเปิดดำเนินการไม่ครบตามโครงการ

1.2 มีการลงทุนด้านเครื่องจักรเพิ่มเติม มีมูลค่าไม่เกิน 30% ของมูลค่าเครื่องจักรในโครงการเดิม

1.3 ผลิตภัณฑ์ใหม่มีประเภทที่จะให้การส่งเสริม

2.หากมีการลงทุนเครื่องจักรใหม่ ส่วนที่ลงทุนใหม่นี้ จะยื่นขอรับส่งเสริมเป็นโครงการใหม่ก็ได้

3.หากยื่นขอเป็นโครงการใหม่ ไม่สามารถนำเครื่องจักรในโครงการเก่ามาใช้ในโครงการใหม่ได้ เว้นแต่เครื่องจักรที่ไม่เป็นสาระสำคัญ และมีกำลังผลิตเหลือเพียงพอ อาจขอนุญาตใช้ร่วมกับโครงการเก่าได้ โดย BOI จะพิจารณาเป็นกรณีไป

"โดยจะผ่อนผันให้ใช้ที่ดินเพื่อการอื่นได้ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27" มีกำหนดระยะเวลาไหม
ในการผ่อนผันให้ใช้ที่ดินเพื่อการอื่น จะไม่กำหนดระยะเวลา
หากบริษัทต้องการใช้สิทธิบีโอไอเพื่อยกเว้นอากรขาเข้าแต่ ไม่ต้องการค้ำ vat บริษัทต้องทำยังไงบ้าง

การอนุมัติสั่งปล่อยของ BOI เป็นการอนุมัติยกเว้นเฉพาะอากรขาเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 36 เท่านั้น ส่วนการใช้หนังสืออนุมัติของ BOI ในการค้ำและถอนค้ำ VAT เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 20) วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 หากบริษัทจะไม่ใช้หนังสือ BOI ในการค้ำ/ถอนค้ำ VAT จะต้องสอบถามกับกรมศุลกากรโดยตรง

มาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่า

การดำเนินการตามมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่

กิจการสิ่งพิมพ์ ให้ใช้มาตรฐาน OHSAS 18001 และ FSSC 22000 เทียบเท่ามาตรฐาน ISO 9000 และ 14000 ได้

หากนำผลงานวิจัยภาครัฐด้านเครื่องมือแพทย์มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพานิชย์จะเข้าข่ายได้รับการส่งเสริมอย่างไรบ้าง
จะเข้าข่ายให้การส่งเสริมได้ในประเภท 3.11.1 โดยหากมีแผนการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมต่อเนื่องจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (A1) และหากไม่มีแผนการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมต่อเนื่องจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (A2)
หากบริษัทฯ ใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีครบตามที่กำหนดแล้ว บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องยื่นรายงานอะไร ให้ BOI บ้างคะ ขอทราบชื่อรายงานและกำหนดส่งรายงานคะ (19 มี.ค. 2563)

กรณียังไม่เปิดดำเนินการ บริษัทจะต้องรายงานผลความคืบหน้าโครงการตามบัตรส่งเสริม โดยการกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ภายในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม ปีละ 2 ครั้งจนกว่าจะได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการ

กรณีเปิดดำเนินการแล้ว บริษัทต้องดำเนินการรายงานผลการดำเนินการประจำปี โดยบริษัทสามารถกรอกข้อมูลลงในระบบ e-monitoring ซึ่งต้องมีการรายงานปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ตามลิงค์: https://emonitoring.boi.go.th โดยการรายงานผลการดำเนินการประจำปีนั้น มีขั้นตอนดังนี้

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map