(1) หากเป็นการนำเข้าอะไหล่ แม่พิมพ์ เครื่องจักรที่ไม่กระทบกับกำลังผลิต และเครื่องจักรเพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิม ภายใต้กำลังผลิตและกรรมวิธีผลิตที่ได้รับส่งเสริมอยู่เดิม สามารถยื่นขอเพิ่มรายการนั้นๆได้โดยไม่ต้องแก้ไขโครงการ
(2) หากเป็นการนำเข้าเครื่องจักรหลักเพื่อเพิ่มกำลังผลิต หรือเพิ่มขั้นตอนการผลิต จะต้องแก้ไขโครงการก่อน จึงจะขอเพิ่มรายการเครื่องจักรนั้นๆได้
3.cap วงเงินการยกเว้นภาษีเงินได้ที่เคยกำหนดไปแล้ว ณ วันเปิดดำเนินการเต็มโครงการ จะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขอีก แม้จะมีการนำเข้าเครื่องจักรเพิ่มเติมตามข้อ 1-2 ก็ตาม
ถ้าได้รับสิทธินำเข้าเครื่องจักรตลอดไป ระยะเวลาสิ้นสุดการนำเข้าในระบบ eMT จะกำหนดเป็นปี 2599 (หรือ 2099 ไม่แน่ใจ) จึงไม่ต้องยื่นขอขยายเวลานำเข้าเครื่องจักร
กรณีสั่งปล่อยวัตถุดิบผิดรายการ เช่น ได้รับอนุมัติสั่งปล่อยวัตถุดิบเป็น A แต่ในใบขนขาเข้าเป็น Bแนะนำให้เข้าไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ BOI ที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทโดยตรงว่า เมื่อบริษัทไปชำระภาษี B จะสามารถขอคืนยอดสั่งปล่อย A ได้อย่างไร เนื่องจากเจ้าหน้าที่แต่ละคน อาจมีความเห็น/วิธีแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน
ารใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 36 ผู้นำเข้าจะต้องเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 36 เท่านั้น หาก บ.เทรดดิ้ง (non-BOI) เป็นผู้นำเข้า แล้วนำมาจำหน่ายให้กับ BOI จะใช้สิทธิยกเว้นอากรไม่ได้
แต่หาก บ.เทรดดิ้ง เป็นผู้สั่งซื้อวัตถุดิบ โดยระบุเป็นการ SOLD TO A (บ.เทรดดิ้ง) SHIP TO B (บ.BOI) และ บ.เทรดดิ้ง โอนสิทธิให้ บ.BOI เป็นผู้นำเข้า กรณีนี้จะสามารถใช้สิทธิยกเว้นอากรได้
1. กรณีที่บริษัท A และ B มีการซื้อขายเครื่องจักรกันที่ต่างประเทศ บริษัท C (BOI) สามารถซื้อและนำเข้าเครื่องจักรดังกล่าวโดยใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28ได้ ทั้งนี้ สภาพของเครื่องจักร (ใหม่/เก่า) ต้องเป็นตามที่กำหนดในบัตรส่งเสริม
2. Washing Machine เป็นเครื่องจักรในบัญชี Negative List ต้องการถามว่าอะไรหรือ
คำถามที่สอบถาม ไม่มีความสัมพันธ์กัน
การยกเว้นอากรเครื่องจักร/แม่พิมพ์ จะต้องเป็นเครื่องจักร/แม่พิมพ์ที่ใช้ผลิตสินค้าตามกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับอนุมัติ ส่วนจะขายสินค้าให้กับใคร ไม่มีการกำหนดเป็นเงื่อนไข
สรุปคือ หากแม่พิมพ์นั้นนำเข้ามาเพื่อใช้ผลิตสินค้าที่ระบุในบัตรส่งเสริม และมีกรรมวิธีการผลิตตามที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม ก็ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรตามมาตรา 28 ได้
กรณีส่วนสูญเสียเป็นสินค้าสำเร็จรูปที่ได้รับอนุมัติสูตรการผลิตตามโมเดลนั้นๆ แล้วอาจใช้วิธีส่งออกตามปกติ ในราคาสินค้าด้อยคุณภาพ และนำใบขนมาตัดบัญชีตามขั้นตอนปกติ
แต่หากจะส่งออกในข่ายส่วนสูญเสียตามประกาศ BOI ที่ ป.5/2543 จะต้องให้ บ.Inspector ออกหนังสือรับรองว่าส่วนสูญเสีย (สินค้าสำเร็จรูป) นั้น ประกอบด้วยวัตถุดิบรายการใดบ้าง จำนวนเท่าไร และยื่นขออนุญาตส่งออกส่วนสูญเสียต่อ BOI ก่อนการส่งออก จากนั้นจึงนำใบขนมาปรับยอดตามรายการ/ปริมาณวัตถุดิบที่ได้รับอนุญาต
กรณีที่ 2 โครงการ ไม่ว่าจะผลิตสินค้าชนิดเดียวกันหรือคนละชนิดก็ตาม มีรายการวัตถุดิบที่ซ้ำกัน (ไม่จำเป็นต้องซ้ำกันทุกรายการ) สามารถขอรวมบัญชีสต็อกวัตถุดิบของทั้ง 2 โครงการได้
แต่ระยะเวลานำเข้า จะถูกปรับลดเหลือเท่ากับโครงการที่สั้นที่สุด และการขยายเวลานำเข้าแต่ละครั้ง ต้องยื่นขอขยายพร้อมๆกันทั้ง 2 โครงการ
เอกสารที่จะยื่นต่อ BOI ใช้หนังสือขอรวมบัญชีปริมาณสต็อกวัตถุดิบ (ตัวอย่างตาม Link) โดยแนบ MML ของทุกโครงการ และใบสรุปการรวมปริมาณสต็อกวัตถุดิบ
1.การจะนำเข้าเครื่องจักรโดยใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าจาก BOI ต้องยื่นขออนุมัติบัญชีรายการเครื่องจักร (Master List) ก่อน โดย BOI กำหนดระยะเวลาพิจารณาอนุมัติไว้ 60 วันทำการ
2. เครื่องจักรที่จะได้รับอนุมัติบัญชี Master List ต้องเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่ได้รับส่งเสริม และมีกำลังผลิตสูงสุดไม่เกินกว่าที่ระบุในบัตรส่งเสริม และต้องเป็นเครื่องจักรที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ
3. กรณีต้องการนำเข้าเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มกำลังผลิต จะต้องยื่นแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มกำลังผลิตต่อ BOI และต้องได้รับอนุมัติก่อน จากนั้นจึงจะสามารถยื่นแก้ไข Master List เพื่อเพิ่มจำนวนเครื่องจักร เพื่อให้มีกำลังสูงสุดตามกำลังผลิตใหม่ที่ได้รับอนุมัติจาก BOI
4. การแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มกำลังผลิต จะต้องยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการเต็มโครงการ
1. รถยก (Forklift) ถือเป็นเครื่องจักรของกิจการที่ต้องมีการยกและเคลื่อนย้ายวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม หากเป็นรถยกที่ไม่ผลิตในประเทศ สามารถขออนุมัติบัญชีเครื่องจักร เพื่อใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรตาม ม.28 ได้ แต่หากเป็นรถยกที่มีการผลิตในประเทศ จะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28
2. รถยก สามารถนับเป็นมูลค่าการลงทุนในข่ายเครื่องจักรได้ แต่หากบริษัทมีหลายโครงการ และเคยลงบัญชีเป็นสินทรัพย์ของโครงการอื่นไปแล้ว ก็จะนำมานับเป็นมูลค่าการลงทุนอีกไม่ได้
จะมีผลเพียงแค่ไม่สามารถนำใบขนฉบับนั้นมาตัดบัญชีภายหลังได้อีก
กรณี A ขายให้ B ชื่อสินค้าตามสูตรการผลิตของ A ต้องตรงกับชื่อรองของวัตถุดิบของ B B จึงจะสามารถออก report-V ให้ A เพื่อนำไปตัดบัญชีได้
- ต้องเป็นเครื่องจักรใหม่เท่านั้น
- สามารถนำมาลงบัญชีเป็นสินทรัพย์เพื่อนับเป็นขนาดการลงทุนของโครงได้ - ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าตามมาตรา 28 และ 29 2.การขยายเวลาเครื่องจักร สามารถขอขยายได้ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี - สามารถยื่นขอขยายเวลาหลังจากที่ระยะเวลานำเข้าเดิมสิ้นสุดแล้วก็ได้ แต่จะนับเวลาต่อเนื่องจากวันที่สิ้นสุดเดิม- การยื่นคำร้อง ให้ยื่นบนระบบ eMT และเมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้นำบัตรส่งเสริมไปยื่นขอแก้ไขเอกสารแนบท้ายบัตร
กิจการผลิตผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับสิทธิยกเว้นอากรเครื่องจักรตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม กรณีที่เปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว และจำเป็นต้องนำเครื่องจักรเข้ามาเพิ่ม
1. หากเป็นเครื่องจักรที่ไม่ใช่ขั้นตอนหลักของโครงการ หรือเป็นอุปกรณ์ อะไหล่ แม่พิมพ์ เครื่องมือ สามารถขอเพิ่มรายการได้
2. หากเป็นเครื่องจักรหลักที่เข้ามาทดแทนเครื่องเดิม สามารถขอเพิ่มรายการได้ แต่ต้องชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจนว่านำมาปรับเปลี่ยนหรือทดแทนเครื่องจักรใด
3. หากเป็นเครื่องจักรหลักที่นำเข้ามาเพิ่มกำลังผลิตหรือกรรมวิธีการผลิต ต้องแก้ไขโครงการเพิ่มกำลังผลิตหรือกรรมวิธีผลิตให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะให้เพิ่มรายการเครื่องจักรได้
1.ถ้า B ไม่สามารถเพิ่มชื่อรองของวัตถุดิบ ให้ตรงกับชื่อสินค้าของ A ได้ A ก็ต้องขอสูตรการผลิตใหม่ เพื่อให้ชื่อสินค้าตรงกับชื่อรองของวัตถุดิบของ B
2.และถ้า A เป็นกิจการ ITC เมื่อขอสูตรการผลิตใหม่โดยเปลี่ยนชื่อสินค้าให้ตรงกับวัตถุดิบของ B แล้ว A ก็ต้องขอแก้ไขบัญชีวัตถุดิบของ A เพื่อเพิ่มชื่อวัตถุดิบให้ตรงกับชื่อสินค้าด้วย (ปกติกิจการ ITC ชื่อวัตถุดิบและชื่อสินค้าจะต้องตรงกัน)
กรณีต้องการยกเลิกการอนุมัติให้ชำระภาษีส่วนสูญเสียนอกสูตร เพื่อเปลี่ยนเป็นการขอส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ เป็นกรณีที่ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้โดยชัดเจน จึงขอตอบตามความเห็นส่วนตัวของแอดมิน ดังนี้
1.ทำหนังสือถึง BOI เพื่อขอยกเลิกการขอชำระภาษีส่วนสูญเสียนอกสูตร โดยแนบหนังสืออนุมัติฉบับที่จะขอยกเลิก (ฉบับจริง) ไปด้วยทั้งชุด
2.ยื่นหนังสือขออนุญาตส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ พร้อมกับเอกสารแนบทั้งหมด (ใบรับรองจาก inspector etc.)
3.นำหนังสือตามข้อ 1 และ 2 ไปยื่นพร้อมกัน
4.BOI น่าจะอนุมัติให้ยกเลิกหนังสือฉบับเก่า พร้อมกับแจ้งยกเลิกหนังสือไปยังกรมศุลกากร และออกหนังสืออนุญาตให้ส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เข้าไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ BOI ที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทที่จะดำเนินการ
ให้วิศวกรที่โรงงานเป็นคนคำนวณให้ครับก่อนอื่นให้คำนวณหาไซเคิลของการฉีด 1 ครั้ง ว่าใช้เวลากี่นาที และฉีดเป็นชิ้นงานกี่ชิ้น ก็จะคำนวณหากำลังผลิตต่อเครื่องต่อชั่วโมงได้ จากนั้นคำนวณกับวันเวลาทำงานที่ระบุในบัตรส่งเสริม จะออกมาเป็นกำลังผลิตสูงสุดตามเวลาทำงานในบัตรส่งเสริมครับ
กำลังผลิต = จำนวนเครื่อง x กำลังผลิตต่อเครื่องต่อชั่วโมง x ชั่วโมงทำงานตามบัตรส่งเสริม x วันทำงานตามบัตรส่งเสริมการกรอกกำลังผลิตสูงสุดต่อหน่วยเวลา (B) ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องกรอกอย่างไร เช่น ถ้าผลิตไซเคิลละ 15 นาที ได้ชิ้นงาน 6 ชิ้น จะกรอกเป็น 15 นาที / 6 ชิ้น = 24 ชิ้น / ชั่วโมง ก็ได้ จากนั้น ก็คูณด้วยจำนวนเครื่อง ชั่วโมงทำงาน วันทำงานตามบัตร ตามตัวอย่างที่เขียนอยู่ในแบบฟอร์มนั่นแหละ
อธิบายคร่าวๆ ดังนี้ครับ ขั้นตอนการตัดบัญชี
1.ดาวน์โหลดข้อมูลในขนขาออก หรือ report-v จากระบบ iC-Online System
2.ยื่นตัดบัญชีด้วยไฟล์ EXPORT.xlsx (และ VENDOR.xlsx กรณีมีการโอน vendor)
เอกสารที่ต้องใช้
- ไม่มี
รายละเอียดแนะนำให้เข้าฝึกอบรมคอร์สที่เกี่ยวข้อง ที่สมาคม IC จัดขึ้นเป็นประจำ http://icis.ic.or.th/i-regist/index.php?r=site/course
A (BOI) -> B (Trading) -> export to C สามารถทำได้ 2 วิธีคือ
1.กรณี B ได้รับส่งเสริมในกิจการ IPO/ITC
- เมื่อ B ส่งออก ก็ยื่นตัดบัญชีตามหลักเกณฑ์ปกติ และโอนสิทธิตัดบัญชีให้ A
- จากนั้น A นำไฟล์ report-v ที่ได้รับจาก B มาตัดบัญชีต่อไป
2.กรณี B เป็น Trading ที่ไม่ได้รับส่งเสริมจาก BOI
- B ต้องระบุการใช้สิทธิประโยชน์ BOI ในช่อง เงื่อนไขการใช้สิทธิ์ BOI (Y) ในใบขนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
- ต้องระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักของ A ในช่อง Remark ของสินค้าแต่ละรายการที่จะโอนสิทธิตัดบัญชีให้ A
- ต้องระบุชื่อสินค้าส่งออกให้ตรงกับชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อรุ่นของ A
- A จะสามารถดาวน์โหลดข้อมูลใบขนที่ B โอนสิทธิมาให้ ผ่านระบบของ IC เพื่อนำมาตัดบัญชีโดยตรงต่อไป