เงื่อนไขเฉพาะโครงการเรื่องการดำเนินการให้ได้รับใบรับรองระบบคุณภาพตามมาตรฐาน ISO ของบริษัท
“จะต้องดำเนินการให้ได้รับใบรับรองระบบคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9000 หรือ ISO 14000 หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันครบเปิดดำเนินการ หากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 1 ปี” ตามเงื่อนไขกำหนดไว้ 2 ปี นับแต่วันครบเปิดดำเนินการ
วันครบเปิดดำเนินการในที่นี้ คือ ทางบริษัทต้องยื่นขอเปิดดำเนินการเต็มโครงการกับสำนักงานฯ ภายใน 36 เดือน นับแต่วันที่ออกบัตรส่งเสริมวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 หมายความว่า บริษัทต้องยื่นขออนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 โดยเจ้าหน้าที่จะไปตรวจโรงงาน และตรวจสอบเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไขตามบัตรส่งเสริม และจะออกใบอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการ สำหรับเงื่อนไข ISO ให้นับจากวันที่ได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการไปอีก 2 ปี
1. กรณีบริษัท A (BOI) จำหน่ายชิ้นส่วนให้บริษัท B (19 ทวิ) เพื่อนำไปผลิตส่งออก
- บริษัท B (19 ทวิ) จะต้องทำเอกสารแนบท้ายใบขนเพื่อระบุการโอนสิทธิ์วัตถุดิบให้กับบริษัท A
- ชนิดและประมาณที่จะโอนสิทธิ์ให้บริษัท A ได้ ต้องเป็นชิ้นส่วนที่ติดไปกับสินค้าส่งออกจริง ตามสูตร 19 ทวิ เท่านั้น
2. กรณีมีส่วนสูญเสียของบริษัท A เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตของบริษัท B
- บริษัท B จะต้องส่งส่วนสูญเสียดังกล่าวคืนให้บริษัท A เพื่อให้บริษัท A นำไปตัดบัญชีส่วนสูญเสียตามขั้นตอนต่อไป
- กรณีที่บริษัท B ไม่สามารถส่งคืนส่วนสูญเสียให้กับบริษัท A หรือกรณีที่บริษัท A ไม่สามารถพิสูจน์ชนิดและปริมาณส่วนสูญเสียที่ได้รับคืนกลับมา บริษัท A จะตัดบัญชีได้ไม่ครบตามจำนวน และมีภาระภาษีอากรวัตถุดิบในส่วนนั้น
การทำลายเครื่องจักร เป็นวิธีการจัดการเครื่องจักรที่ชำรุดเสียหายแต่ยังไม่ปลอดภาระภาษี ให้พ้นจากภาระภาษี การทำลายจะต้องยื่นขออนุมัติวิธีทำลาย และทำลายโดยมีบริษัท Inspector ที่ได้รับอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบรับรองการทำลาย
ประเด็นที่สอบถาม ต้องพิจารณาว่า อะไหล่ดังกล่าวมีภาระภาษีหรือไม่ และปลอดภาระภาษีแล้วหรือไม่ หากนำอะไหล่ดังกล่าวไปจำหน่ายในประเทศ จะถือเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือไม่ หากเป็นความผิด ก็ต้องขออนุญาตทำลาย หรือขอชำระภาษีให้ถูกต้อง หากไม่เป็นความผิด ก็ไม่ต้องขอทำลาย สามารถจำหน่ายในประเทศได้เลย
อะไหล่ที่ติดมากับเครื่องจักร ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าพร้อมกับตัวเครื่องจักร จึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ BOI เช่นเดียวกับเครื่องจักร
เครื่องจักร ส่วนประกอบ อะไหล่ แม่พิมพ์ ที่นำเข้ามาโดยใช้สิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าจาก BOI หากชำรุดเสียหาย จะต้องดำเนินการตามแนวทางของประกาศที่ ป.3/2555 คือ จะต้องขออนุญาตทำลาย ส่งออก หรือบริจาค จึงจะปลอดจากภาระภาษี หรืออาจจะเก็บไว้จนครบ 5 ปี แล้วจึงขอตัดบัญชีเพื่อปลอดภาระภาษี
1. การนำวัตถุดิบเข้ามาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก สามารถใช้สิทธิตาม ม.36 เพื่อยกเว้นอากรขาเข้า (และ VAT) ได้
2. การนำเข้าแบตเตอรี่บางประเภท อาจต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขอให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
3. และ 4. อัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีมหาดไทย และการขอคืนภาษี ขอให้ติดต่อสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
1. บัตรส่งเสริม BOI ไม่มีวันที่หมดอายุบริษัทจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม จนกว่าจะยกเลิกบัตรส่งเสริม
2. กรณีไม่ประสงค์จะเป็นผู้ได้รับส่งเสริม สามารถขอยกเลิกบัตรส่งเสริมได้ โดยบริษัทยังคงสามารถดำเนินกิจการนั้นต่อไปได้ แต่สิทธิประโยชน์ทั้งหมดจะสิ้นสุดลง (การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การอนุญาตให้ชาวต่างชาติทำงาน สิทธิประโยชน์ทางภาษี ฯลฯ)
3. การจะยกเลิกบัตรส่งเสริมเดิม เนื่องจากได้รับส่งเสริมโครงการใหม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากเครื่องจักรของโครงการเดิม จะนำไปใช้ในโครงการใหม่ ไม่ได้
กิจการ IPO ที่ได้รับส่งเสริมจะมีขั้นตอนตรวจสอบและบรรจุสินค้า ดังนั้น เครื่องจักรในโครงการจึงเป็นเครื่องจักร เครื่องมือ ที่เกี่ยวกับขั้นตอนดังกล่าว แม้บางกรณี กิจการ IPO อาจอนุญาตให้มีขั้นตอนนำวัตถุดิบไปว่าจ้างผลิตได้ แต่ก็ต้องไม่ใช่การผลิตที่เป็นขั้นตอนสำคัญซึ่งทำให้วัตถุดิบนั้นเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสาระไป ดังนั้น โอกาสที่กิจการ IPO จะมีขั้นตอนที่ต้องใช้แม่พิมพ์ จึงมีความเป็นไปได้น้อยมาก คำตอบที่ด้านบนเป็นการให้คำตอบบนหลักการเท่านั้น คือ หากจะโอนแม่พิมพ์ให้โครงการใด โครงการที่รับโอนจะต้องมีบัญชีเครื่องจักรรายการนั้นๆ และยังมีระยะเวลานำเข้าเหลืออยู่
1.การดำเนินการจ่ายค่าอากรไปก่อน และแจ้งสงวนสิทธิไปก่อนนั้นถูกต้องแล้วในหลักการ
2. ขั้นตอนต่อไปจะต้องออกบัตรส่งเสริมก่อน แล้วติดต่อขอ username/password ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (ชั้น 3 บีโอไอ สนญ) เพื่อเข้าระบบ eMT ได้
3. เมื่อเข้าระบบ eMT แล้วจะต้องทำการขออนุมัติ Master List เพื่ออนุมัติชื่อและจำนวนเครื่องจักรที่สามารถใช้สิทธิ์ได้
4. เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จึงขอสั่งปล่อยเครื่องจักรแบบคืนอากรกับสมาคมสโมสรนักลงทุน เพื่อให้มีหนังสือจากสำนักงานไปยังศุลกากร เพื่อทำเรื่องขอคืนอากรต่อไป
5. สำหรับเอกสารประกอบการสั่งปล่อยโปรดติดต่อสมาคมสโมสรนักลงทุน
โทรศัพท์ (66) 0 2936 1429
โทรสาร (66) 0 2936 1441-2
เว็บไซต์ : http://www.ic.or.th
อีเมล์ : is-investor@ic.or.th
6. สำหรับการติดต่อคืนอากรโปรดติดต่อ
ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนบริการกลาง สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โทร. 0-2667-7000 ต่อ 20-7641, 20-5525 หรือ 20-5536
ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนบริการกลาง สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โทร. 0-2134-1250, 0-2134-1251 หรือ 0-2134-1245
ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนบริการกลาง สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังโทร. 0-2667-7000 ต่อ 25-7873, 25-7910, 25-7913 หรือ 25-7875
หรือหากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดติดต่อ ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนบริการกลาง สานักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โทร. 0-2667-7641
การขอแก้ไขกรรมวิธีการผลิตเพื่อทำการว่าจ้างผลิต ปกติต้องเป็นการนำกระบวนการในส่วนที่ไม่เป็นสาระสำคัญของโครงการไปทำการว่าจ้าง แต่ถ้าบริษัท A จะว่าจ้างบริษัท B ให้ทำการผลิตสินค้าเดียวกันครบทุกขั้นตอน เนื่องจากกำลังผลิตของเครื่องจักรของ A มีไม่พอ กรณีนี้ไม่สามารถแก้ไขโครงการได้ เพราะขัดต่อสาระสำคัญ การจะขอเป็นโครงการใหม่ ก็ไม่เข้าข่ายกิจการผลิต หรือจะขอส่งเสริมเป็นกิจการ IPO (ศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนระหว่างประเทศ) ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกิจการ IPO ให้ครบ ซึ่งกิจการ IPO ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
การเปลี่ยนชื่อบริษัท
1. จดหมายชี้แจง โดยต้องระบุเลขที่บัตรส่งเสริม ชื่อบริษัทเดิม เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เขียนชื่อบริษัทเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
2. สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (ฉบับใหม่/พร้อมลายเซ็นและประทับตราบริษัท)
3. บัตรส่งเสริมฉบับจริง
ยื่นเอกสารได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สำนักงานใหญ่) กลุ่มบัตรส่งเสริม ชั้น 3
การย้ายที่อยู่สถานประกอบการ ต้องยื่นเรื่องขอแก้ไขโครงการที่กองบริหารการลงทุน 1 - 5 ที่กำกับดูแลประเภทกิจการของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทต้องเตรียมเอกสารแจ้งการย้ายที่อยู่สถานประกอบการ ดังนี้
1. จดหมายชี้แจง (บริษัทท่านจะต้องเป็นผู้ทำจดหมายชี้แจงของบริษัท) โดยต้องระบุสาระสำคัญ คือ เลขที่บัตรส่งเสริม ที่อยู่เดิม และที่อยู่ใหม่ ของสถานที่ตั้งสำนักงาน
2. กรอกแบบคำขออนุญาตเปลี่ยน/เพิ่ม/ลด สถานที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการ (F PA PC 03-07)
3. สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (ฉบับใหม่/พร้อมลายเซ็นและประทับตราบริษัท)
4. บัตรส่งเสริมฉบับจริง
เช่น กำลังการผลิตต่อปี 100 ชิ้น เพิ่มเป็น 110 ชิ้น ก็นำมาใช้กับปีปัจจุบันไม่ย้อนหลัง แต่วงเงินภาษีเท่าเดิมใช่หรือไม่
ขั้นตอนคือ ส่งไฟล์ birtcan เพื่อยกเลิก และนำหนังสือสั่งปล่อยไปคืน IC จะนั้น IC จะตรวจสอบกับกรมศุลกากรว่ายังไม่ได้มีการนำเลขสั่งปล่อยไปใช้ แล้วจึงจะยกเลิกและคืนยอดให้ หากคีย์ไฟล์ถูกต้อง แต่ระบบแจ้งเตือนว่าคีย์ชื่อไฟล์ผิด และยื่นไม่ได้ ... ทางนี้ก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน อาจต้องติดกับ IC เพื่อแจ้งปัญหาโดยตรง หรือหากสะดวกจะแคปหน้าจอส่งมา จะช่วยตรวจสอบให้อีกทางหนึ่ง
ข้อเท็จจริง
A ได้รับส่งเสริมผลิตแม่พิมพ์ และชิ้นงานโลหะ โดย A นำเข้าชิ้นส่วนแม่พิมพ์จากต่างประเทศมาผลิตเป็นแม่พิมพ์ แล้วจำหน่ายแม่พิมพ์ให้กับ B แต่แม่พิมพ์ยังอยู่ที่โรงงานของ A เพื่อใช้ผลิตชิ้นส่วนโลหะจำหน่ายให้ B
คำถาม
หาก B ต้องการทำลายแม่พิมพ์ จะต้องดำเนินการอย่างไร
คำตอบ
B ซื้อแม่พิมพ์จาก A โดยไม่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรอะไร เนื่องจากเป็นการซื้อแม่พิมพ์จากโรงงานในประเทศ หาก B ต้องการทำลายแม่พิมพ์ ก็ทำลายได้โดยไม่ต้องแจ้ง BOI
กรณีที่ B ทำลายแม่พิมพ์ก่อนวันตรวจเปิดดำเนินการ B จะนำมูลค่าแม่พิมพ์มาคำนวณเป็นขนาดการลงทุนเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่ได้ A ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เพราะ A ยืมแม่พิมพ์ของ B มาผลิตชิ้นงานให้กับ B (หาก B สั่งให้ A ทำลายแม่พิมพ์ A ก็จะเรียกค่าใช้จ่ายในการทำลายจาก B)
กรณีนี้ ไม่น่ามีประเด็นเรื่องการตรวจสอบโดย inspector เพราะเป็นแม่พิมพ์ที่ผลิตในประเทศ ไม่ใช่แม่พิมพ์ที่นำเข้าโดยใช้สิทธิมาตรา 28 หรือ 29
บัตรส่งเสริมทุกฉบับ กำหนดเงื่อนไขทั่วไป ข้อ 3.3 ไว้ว่า "จะต้องไม่จำนอง จำหน่าย โอน ให้เช่า หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้เครื่องจักรที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า"
กรณีที่สอบถาม บริษัท A จำหน่ายแม่พิมพ์ที่นำเข้ามาโดยใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้า ให้กับบริษัท B โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงน่าจะกระทำผิดต่อเงื่อนไขในบัตรส่งเสริมแล้ว
1.ยกเลิกหนังสือสั่งปล่อย โดยทำหนังสือนำส่ง และนำหนังสืออนุมัติสั่งปล่อยต้นฉบับที่ยังไม่ได้นำไปเดินพิธีการ ไปยื่นยกเลิกที่ IC และ IC จะคืนยอดสั่งปล่อยตามจำนวนในหนังสือฉบับนั้นให้
2.ยื่นสั่งปล่อยคืนอากร เพื่อขอคืนอากรสำหรับวัตถุดิบที่ได้ชำระไปแล้ว แต่จะได้รับคืนเฉพาะอากรขาเข้าเท่านั้น ส่วน VAT เข้าระบบไปแล้ว จึงเป็นการคืนภาษีตามระบบภาษีขาย-ภาษีซื้อ ตามปกติต่อไป ทั้งนี้ ใบขนที่จะยื่นขอคืนอากรได้ จะต้องไม่เกิน 2 ปีนับจากวันนำเข้า
3.หลังจากได้รับอนุมัติสั่งปล่อยคืนอากร ก็ให้นำเอกสารไปติดต่อกรมศุลกากร เพื่อขอรับคืนภาษีอากรต่อไป
บริษัทได้รับสิทธิลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ต้องยื่นขอใช้สิทธิกับสำนักงานหรือไม่
2. เมื่อบริษัท A กับบริษัท B ควบรวมกิจการเป็นบริษัท C บัตรส่งเสริมของ A และ B จะสิ้นสุดใน 3 เดือนนับจากวันที่ควบรวมกิจการ
ในระหว่างนี้จึงจะต้องทำการโอนย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ใช้สิทธิประโยชน์ตามบัตรของ A และ B ไปยังบัตรส่งเสริมรับโอนกิจการที่ C ได้รับ
ขอสอบถามเพิ่มเติม กรณีที่ทั้งสองบริษัท A และ B มีผลิตภัณฑ์คนละชนิด line ผลิตคนละ line
การรับจ้างผลิตสินค้าชนิดเดียวกับที่ระบุในบัตรส่งเสริม โดยมีขั้นตอนการรับจ้างผลิตตรงตามกรรมวิธีที่ได้รับส่งเสริม ถือว่าเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามโครงการ ไม่ต้องขออนุญาตจาก BOI ยกตัวอย่างเช่น บริษัทได้รับส่งเสริมผลิตมอเตอร์ โดยมีขั้นตอนการปั๊มขึ้นรูปชิ้นงานโลหะ และการพันขดลวด ฯลฯ หากมีบริษัทอื่นมาว่าจ้างให้ผลิตมอเตอร์ โดยเป็นการว่าจ้างครบขั้นตอน ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต และใช้สิทธิทุกอย่างได้ตามปกติ
แต่หากเป็นการรับจ้างผลิตสินค้าคนละชนิด หรือรับจ้างผลิตไม่ครบขั้นตอน เช่น จะรับจ้างพันขดลวด จะต้องยื่นขออนุญาตจาก BOI ก่อน โดยเป็นการขออนุญาตใช้เครื่องจักรเพื่อการอื่น ซึ่งมีเงื่อนไขคือ
1. ต้องเปิดดำเนินการครบตามโครงการแล้ว
2. รายได้จากการรับจ้าง จะไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้