มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
มาตรการนี้เป็นมาตรการส่งเสริมการลงทุนตามประกาศที่
9/2560
ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2560 คือ มาตรการการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนใน 4 เรื่อง
ดังนี้
-
การลงทุนด้านการประหยัดพลังงาน การลงทุนเพื่อใช้พลังงานทดแทน หรือการลงทุนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
-
การลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
-
การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา หรือออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
-
การลงทุนเพื่อการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรไปสู่มาตรฐานระดับสากล
บริษัทมีความสนใจในมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
จะได้รับสิทธิ์และประโยชน์ดังนี้
- จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
- จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
3 ปี จำนวน 50 % ของเงินที่ลงทุนเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพดังกล่าว
(ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุงติดตั้ง)
- ระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
(3 ปี) นับจากวันที่มีรายได้หลังได้รับบัตรส่งเสริม
และไม่เกินมูลค่า 50 % ของเงินที่ลงทุน
แล้วแต่ว่าอย่างใดจะครบกำหนดก่อน
ทั้งนี้ กรณีการลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี มูลค่า 100 % ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุงติดตั้ง)
กรณีที่การปรับปรุงดังกล่าว มีการเชื่อมโยงหรือสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรอัตโนมัติในประเทศ
ไม่น้อยกว่า 30 % ของเครื่องจักรที่ติดตั้งเพิ่ม
เงื่อนไขของผู้ที่สามารถขอส่งเสริมการลงทุน
ภายใต้มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
-
ผู้ขอส่งเสริมหากไม่เคยขอรับส่งเสริมการลงทุนมาก่อน
สามารถนำกิจการที่ดำเนินการอยู่ปัจจุบันมาขอรับส่งเสริมการลงทุนได้
โดยธุรกิจนั้นต้องเป็นกิจการที่สำนักงานให้ส่งเสริมการลงทุน ตามบัญชีประเภทกิจการที่ส่งเสริมการลงทุน
-
สำหรับกิจการเคยที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว
สามารถยื่นขอรับสิทธิ์นี้ได้เมื่อระยะเวลาการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นสิ้นสุดลง
(สิ้นสุดมาตรา 31 แล้ว) หรือเป็นโครงการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
(ยกเว้นบางกิจการตามนโยบายเฉพาะที่สำนักงานกำหนด)
-
มีการลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
- สำหรับกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม
จะต้องที่มีสินทรัพย์ถาวรสุทธิ หรือ ขนาดการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่เกิน
200 ล้านบาท และมีหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 50 % กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า
500,000 บาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
กิจการประเภท 7.15 กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (TISO) ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากร แต่ได้รับสิทธิเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับภาษี เช่น การถือครองที่ดิน และการนำเข้าช่างฝีมือต่างชาติ ขั้นตอนคือยื่นเอกสารที่สำนัก 4 ดังนี้
- หนังสือบริษัทแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกบัตรส่งเสริม
- ไม่มีแบบฟอร์ม ร่างขึ้นได้เอง
- ระบุเหตุผลในการขอยกเลิก
- สำเนาบัตรส่งเสริม
- สำเนาใบอนุญาตเปิดดำเนินการ (ถ้ามี) (กรณีของบริษัทฯ ไม่มี เพราะไม่ได้เปิดดำเนินการ) หากในอนาคต บริษัทพร้อมจะลงทุนใหม่ ก็สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมใหม่ได้อีก
จะต้องขออนุมัติสูตร และแก้ไขบัญชีรายวัตถุดิบและ Max Stock เหมือนกับเป็นการเพิ่มสินค้าอีก 1 โมเดล เพื่อให้สามารถสั่งปล่อยชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูป และสามารถตัดบัญชีได้อย่างถูกต้อง ไม่สับสนกับโมเดลที่ผลิตอยู่เดิม
1.การยื่นช้าเกินกำหนดเป็นเวลาไม่นาน และมีเอกสารหลักฐานแสดงว่าอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อยื่นคำขอเปิดดำเนินการ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ BOI ว่าจะผ่อนปรนให้หรือไม่ หากไม่ ก็จะมีมาตรการต่างๆ เช่น ระงับการให้สิทธิยกเว้นภาษีอากรวัตถุดิบ และช่างฝีมือ เป็นการชั่วคราว เป็นต้น
2.สำเนาทะเบียนสินทรัพย์ที่ต้องแนบพร้อมแบบคำขอเปิดดำเนินการ ใช้เฉพาะส่วนที่บริษัทนำมานับเป็นขนาดการลงทุน ในแบบคำขอเปิดดำเนินการ ข้อ 2 และ 5.3.2 และ 5.3.4 ก็พอ
BOI กำหนดหลักเกณฑ์การยื่นขอคืนอากรเครื่องจักรบนระบบ eMT ตามประกาศ ป.4/2556 คือ
1. เครื่องจักรต้องนำเข้ามาในช่วงที่ได้รับสิทธิ
2. ต้องดำเนินการคืนอากรให้เสร็จภายใน 1 ปีนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลานำเข้าเครื่องจักร
ดังนั้น หากเครื่องจักรที่สงวนสิทธิไว้ตั้งแต่ปี 2555 อยู่ในช่วงเวลาที่ได้รับสิทธิ ก็อยู่ในข่ายที่จะได้รับอนุมัติสั่งปล่อยคืนอากรจาก BOI ได้ยินมาว่า กรมศุลกากรกำหนดระยะเวลาการขอคืนอากรเครื่องจักรไว้ (ไม่เกิน 2 ปี ?? ไม่ยืนยัน) หากมีการกำหนดดังกล่าว เข้าใจว่าน่าจะเป็นดุลยพินิจของกรมศุลกากรในการคืนอากรที่เกินกว่ากำหนด แม้จะมีหนังสืออนุมัติสั่งปล่อยคืนอากรจาก BOI ก็ตาม
กรณีเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว บริษัทยังคงสามารถซื้อเครื่องจักรมาใช้ในโครงการ และนำมารวมเป็นเครื่องจักรในโครงการได้ แต่...
1.จะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เนื่องจากระยะเวลาการนำเข้าเครื่องจักรจะสิ้นสุดไปแล้ว
2.จะไม่ให้แก้ไข cap วงเงินยกเว้นภาษีเงินได้
3.จะไม่ให้แก้ไขกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม (ยกเว้นกิจการที่มีประกาศเป็นการเฉพาะ เช่น กิจการผลิตเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์)
ทั้งนี้เครื่องจักรที่ซื้อมาหลังเปิดดำเนินการเต็มโครงการ ยังคงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม คือ
1.หากในบัตรส่งเสริมระบุว่าต้องใช้เครื่องจักรใหม่ -> เครื่องจักรที่ซื้อมาเพิ่มเติม จะต้องเป็นเครื่องจักรใหม่
2.หากในบัตรส่งเสริมอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่าได้ -> เครื่องจักรที่ซื้อมาเพิ่มเติม สามารถเป็นเครื่องจักรเก่าอายุไม่เกินที่กำหนดในบัตรส่งเสริม โดยจะต้องเป็นเครื่องจักรเก่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ และต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพตามที่ BOI กำหนด
กรณีที่สอบถาม เป็นการซื้อเครื่องจักรเก่าจากฟรีโซน จึงต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่เครื่องจักรเก่าที่เคยใช้งานในประเทศมาก่อน อีกทั้งเป็นเครื่องจักรเก่าอายุเกิน 10 ปี ซึ่งขัดกับเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม จึงไม่สามารถนำมาใช้ในโครงการได้
ให้เลือก ‘เช่า/ซื้อที่ดินแล้ว’
การสั่งปล่อยถอนธนาคารค้ำประกันเครื่องจักร มีขั้นตอนคือ
1.หลังจากได้รับอนุมัติค้ำประกันแล้ว จะต้องยื่นขออนุมัติบัญชีรายการเครื่องจักร (ชื่อรอง) หรือบัญชีอะไหล่ หรือแม่พิมพ์ ที่ตรงกับรายการที่ใช้ธนาคารค้ำประกันภาษีอากรไว้ (การค้ำประกัน ให้ค้ำประกันเครื่องจักร 1 คำร้อง ต่อ 1 อินวอยซ์)
2.จำนวนเครื่องจักรที่สั่งปล่อยถอนค้ำประกัน เมื่อรวมกับที่เคยสั่งปล่อยไปแล้ว ต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่อนุมัติไว้ในบัญชี
3.การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ไม่ต้องแนบเอกสารใดๆ เนื่องจากเป็นเพียงการเรียกรายการที่เคยได้รับอนุมัติให้ค้ำประกันไว้แล้วมายื่นขอสั่งปล่อยเท่านั้น ซึ่งระบบจะตรวจสอบว่าเป็นไปตามเงื่อนไขตามข้อ 1 และ 2
4.การสั่งปล่อยถอนค้ำประกันเครื่องจักรเก่า ไม่ต้องแนบใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่า เนื่องจากเคยยื่นใบรับรองประสิทธิภาพให้พิจารณาไว้แล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการขออนุญาตค้ำประกัน และขั้นตอนการขออนุมัติบัญชีเครื่องจักร
5.จะต้องยื่นสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ธนาคารค้ำประกัน เว้นแต่จะได้รับขยายระยะเวลาค้ำประกันออกไปอีก
6.ตามประกาศ สกท ที่ ป.4/2556 ข้อ 7.3 BOI จะอนุญาตให้ขยายเวลาค้ำประกัน 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี โดยจะต้องยื่นขอขยายเวลาค้ำประกันก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการค้ำประกันเดิม
7.ข้อควรระวังคือ การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน จะขอสั่งปล่อยได้อินวอยซ์ละครั้งเดียว ดังนั้น หากขอสั่งปล่อยไม่ครบตามจำนวนที่ค้ำประกันไว้ จะต้องชำระภาษีอากรในส่วนที่เหลือ (การสั่งปล่อยถอนค้ำประกัน ให้สั่งปล่อยถอนค้ำประกันเครื่องจักร 1 คำร้องต่อ 1 อินวอยซ์)
ไม่ต้องรายงานความคืบหน้าโครงการอีก ทั้งนี้ หากพบว่าระบบฯ ยังกำหนดให้รายงาน โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องโดยอาจต้องแสดงหลักฐาน เพื่อยืนยันสถานะบัตรส่งเสริม เช่น สำเนาใบอนุญาตเปิดดำเนินการ
ให้กรอกมูลค่ารวมจาก ภ.ง.ด.1ก ทุกฉบับ และรวมไฟล์ ภ.ง.ด.1ก เฉพาะหน้าแรกของทุกฉบับเป็นไฟล์เดียวเพื่อแนบ
เบื้องต้นให้กรอกข้อมูลในช่องที่ 1 (กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้)
สามารถกรอกข้อมูลและแนบไฟล์งบการเงินฉบับร่างได้ หรือถ้ายังไม่มีร่าง ให้กรอก ‘0’ ในส่วนที่ไม่มีข้อมูลและแนบหนังสือบริษัทชี้แจงเหตุผลและเดือนที่คาดว่าจะสามารถกรอกข้อมูลส่วนนี้ได้ ในระบบฯ ทั้งนี้ หากประสงค์จะแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลในภายหลัง โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อส่งเรื่องคืนให้แก้ไข
การรายงานในรอบปี 2561 นี้ ยังไม่มีการปิดระบบฯ ในการกรอกข้อมูลแต่อย่างใด จึงสามารถรายงานในระบบฯ ได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ขอให้บริษัทเร่งดำเนินการกรอกและส่งข้อมูลในระบบฯ เนื่องจากการรายงานล่าช้าอาจส่งผลต่อระบบการขอใช้สิทธิและประโยชน์ต่างๆ ในภายหลัง ทั้งนี้ ในรอบปีถัดไปอาจมีการปิดระบบตามเวลาที่กำหนด
สิทธิประโยชน์ขึ้นกับประเภทกิจการ
ได้แก่
1. Hybrid Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์
B1
2. Plug-in Hybrid Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์ A4
3. Battery Electric Vehicles ได้รับสิทธิ์ A3
4. กิจการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับสิทธิ์ A2
5. กิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า ได้รับสิทธิ์ A3
รายละเอียดของสิทธิประโยชน์ A1-4 และ B1-2 สามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซด์ www.boi.go.th และรายละเอียดเพิ่มเติมของประเภทกิจการนี้ สามารถสืบค้นได้ที่นี่
-
หากเป็นการลงทุนใหม่ทั้งสิ้น และไม่มีการใช้เครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิม อยู่ในข่ายที่จะขอรับการส่งเสริมได้
โดยมีเงื่อนไขจะต้องได้รับ
GMP สำหรับยาแผนโบราณ หรือ GMP/PICS สำหรับยาแผนปัจจุบัน
ตามระยะเวลาที่กำหนดหลังได้รับการส่งเสริม และได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
5 ปี (A3)
-
หากเป็นการลงทุนใหม่ในเครื่องจักร ร่วมกับการใช้เครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิมอยู่ในข่ายที่จะขอรับการส่งเสริมได้
เมื่อมีการยกระดับมาตรฐานการผลิต เช่น จากเดิมไม่ได้ GMP หรือ GMP/PICS
การลงทุนครั้งนี้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าว, ประสิทธิภาพดีขึ้น
และกำลังการผลิตมากขึ้น เป็นต้น โดยเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วเดิมจะอนุญาตให้ใช้ในโครงการได้
แต่จะไม่นับเป็นมูลค่าเงินลงทุนของโครงการ
1. การโอนวัตถุดิบ (โอนยอดในระบบ RMTS) ต้องโอนทีเดียว ตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติ
2. ระยะเวลาพิจารณาของ BOI กำหนดไว้ 15 วันทำการ
3. การกรอกบัญชีรายการวัตถุดิบที่โอน-รับโอน ในช่อง "รายการที่" ให้กรอกเลข grp_no ตาม MML
4. (แก้ไข) ช่องรายการวัตถุดิบที่โอนและรับโอน จะกรอกเป็นชื่อหลักหรือชื่อรองก็ได้ แต่จะต้องตรงกันทั้งผู้โอนและผู้รับโอน
หากชื่อไม่ตรงกัน ผู้รับโอนจะต้องขอเพิ่มชื่อรอง ให้ตรงกับชื่อวัตถุดิบของผู้โอน
เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบการขอถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27 ได้แก่
1. คำขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามแบบ
กกท.40
2. แผนที่ดินโดยสังเขป
โดยให้ระบุลักษณะที่ดิน สถานที่ข้างเคียง ถนนสายสำคัญที่ผ่าน รวมถึงทางเข้า-ออก
3. สำเนาโฉนด และแผนที่ระวางหลังโฉนด
4. แผนผังการใช้ที่ดิน โดยให้แสดงรายละเอียด
ระบุส่วนที่เป็นตัวอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน ห้องเก็บพัสดุ บ้านพัก ถนน สนาม หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
พร้อมทั้งคำนวณเนื้อที่ที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างแต่ละรายการ
และรวมเนื้อที่ทั้งหมดให้ปรากฏอย่างชัดเจนในแผนที่
หากมีที่ดินเหลือจากการก่อสร้างดังกล่าว
ให้ชี้แจงไว้ในแผนที่ด้วยว่าจะใช้ประโยชน์อย่างใดบ้าง
ในกรณีที่ดินมากกว่า 2 โฉนดขึ้นไป ให้ระบุแนวต่อระหว่างโฉนดในแผนที่ด้วย
5. สำเนาบัตรส่งเสริม
6. หนังสือบริษัทฯ
แจ้งความประสงค์ขอถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
1. กรณีได้รับสิทธิถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา 27 หากต้องการซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในกิจการที่ได้รับส่งเสริม (กรณีที่สอบถามคือจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อเก็บสินค้าและวัตถุดิบ) สามารถยื่นขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มเติมได้ ตามแบบฟอร์มหัวข้องานที่ดิน จาก Link นี้
2. ค่าก่อสร้างโกดังสินค้าเพื่อใช้ในโครงการที่ได้รับส่งเสริม สามารถนับเป็นเงินลงทุนตามโครงการได้
3. ค่าที่ดิน ไม่นับเป็นเงินลงทุนที่จะนำไปคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
4. กรณีซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ต้องแยกค่าที่ดินและค่าสิ่งปลูกสร้างโดยชัดเจน มิฉะนั้น จะไม่นับค่าสิ่งปลูกสร้างเป็นเงินลงทุนของโครงการ