ผู้ขอรับการส่งเสริม
ต้องการปรึกษาวิธีการกรอกคำขอรับการส่งเสริม สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์บริการลงทุน
โทร 02-553-8111
ทั้งนี้ การปรึกษาวิธีการกรอกคำขอ
ตลอดจนการยื่นคำขอรับการส่งเสริมนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
กรณีที่ผู้ได้รับส่งเสริมไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญในการให้การส่งเสริมได้
เช่น มีขนาดการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนต่ำกว่า 1 ล้านบาท
หรือมีกรรมวิธีการผลิตไม่เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม
และทำให้มูลค่าเพิ่มของโครงการต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ผู้ได้รับส่งเสริมจะถูกเพิกถอนบัตรส่งเสริม
ในกรณีที่ถูกเพิกถอนบัตรส่งเสริม
ผู้ได้รับส่งเสริมอาจถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ทั้งหมดเสมือนว่าไม่เคยได้รับส่งเสริมมาตั้งแต่ต้น
ซึ่งจะต้องทำให้เสียภาษีอากรเครื่องจักรและวัตถุดิบย้อนหลังตามสภาพ ณ วันนำเข้า
พร้อมเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ
ซึ่งรวมถึงการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มย้อนหลังอีกด้วย
1. ชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ปรากฏในบัตรส่งเสริมการลงทุน
2. กำลังการผลิตตามบัตรส่งเสริม
3.
จำนวนรายการวัตถุดิบที่ใช้ในโครงการ
4. ข้อมูลการผลิตผลิตภัณฑ์
1 ชิ้น ใช้วัตถุดิบกี่รายการ
แต่ละรายการมีปริมาณเท่าใด มีส่วนสูญเสียหรือไม่
เมื่อทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว
สามารถนำข้อมูลไปกรอกในแบบฟอร์มจะได้ปริมาณสต๊อคที่ต้องใช้
หากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ชนิดเดียว ใช้วัตถุดิบเหมือนกันทุกรุ่น (Model) ก็สามารถคำนวณปริมาณสต๊อคได้ไม่ยาก แต่หากบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลายรุ่น
และแต่ละรุ่นใช้รายการวัตถุดิบต่างกัน บริษัทจะต้องแยกให้ได้ว่าแต่ละรุ่นใช้วัตถุดิบปริมาณเท่าใด
และเมื่อเอาปริมาณวัตถุดิบของทุกรุ่นมารวมกัน ก็จะได้ปริมาณสต็อคสูงสุด
การใช้สิทธิและประโยช์ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ
เมื่อรวมกันทุกรุ่นแล้วปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ต้องไม่เกินปริมาณสต๊อคสูงสุด (Max
Stock) ที่บริษัทได้รับ
ขอแก้คำถามใหม่
A (BOI) ซื้อวัตถุดิบ X จาก B (IPO) จากนั้นผลิตเป็นชิ้นส่วน Y และขายให้ B (IPO) เพื่อส่งออก เมื่อ B ส่งออก ก็จะโอนสิทธิ์ตัดบัญชี Y ให้ A และต้องการให้ A ตัดบัญชีเพื่อโอนสิทธิวัตถุดิบ X กลับไปให้ B แต่ A ทำไม่ได้ เพราะการผลิตชิ้นส่วน Y ไม่ตรงกับกรรมวิธีที่ได้รับส่งเสริม
A อาจจะทำผิดหลายเรื่อง เช่น
- นำเครื่องจักรที่ใช้สิทธิ BOI ไปผลิตสินค้าที่ไม่ได้รับส่งเสริมหรือเปล่า
- นำรายได้จากการผลิตสินค้าที่ไม่ถูกต้องตามกรรมวิธี ไปใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้หรือเปล่า ฯลฯ แต่ถ้า A ไม่ได้ทำผิด คือสินค้า Y ที่ผลิตนั้นเป็นกิจการส่วนที่เป็น non-BOI คือไม่ได้ใช้สิทธิใดๆจาก BOI เลย B ก็อาจจะเป็นฝ่ายผิด คือจำหน่ายวัตถุดิบ X (ซึ่งใช้สิทธิ BOI) ไปจำหน่ายให้กับกิจการที่ไม่มีสิทธิตามมาตรา 36 ซึ่งเข้าข่ายการจำหน่ายในประเทศ
คำแนะนำคือ A แก้ไขกรรมวิธีผลิตให้ถูกต้อง เพื่อที่จะสามารถขออนุมัติสูตรและ max stock จากนั้นจะได้ตัดบัญชีเพื่อโอนสิทธิไปให้ B
บัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนทั่วไปแบ่งออกเป็น
8 หมวดได้แก่
หมวด
1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร
หมวด
2 แร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน
หมวด
3 อุตสาหกรรมเบา
หมวด
4 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง
หมวด
5 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
หมวด
6 เคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ
หมวด
7 กิจการบริการและสาธารณูปโภค
หมวด 8 การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สามารถดูรายละเอียดของกิจการทั้ง 8 หมวดได้ที่นี่
หากเป็นการก่อสร้างที่เป็นส่วนสนับสนุนการดำเนินการ
เช่น โกดังสินค้า หรือปรับปรุงอาคารการผลิต เป็นต้น
ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและกำลังการผลิตให้ดีขึ้นโดยตรง
จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะขอรับการส่งเสริม
แต่หากเป็นการก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารส่วนการผลิตที่รองรับมาตรฐานการผลิตตามมาตรฐาน GMP หรือ GMP/PICS ก็จะอยู่ในข่ายขอรับการส่งเสริมได้ ยกเว้นบริษัทใดได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP หรือ GMP/PICS ไปแล้ว และมีการลงทุนในระบบเพิ่มเติม เช่น ระบบแอร์ ระบบกำจัดฝุ่น เป็นต้น ก็ไม่อยู๋ในข่ายที่จะรับการส่งเสริมได้
ให้กรอกข้อมูลโดยใช้งบการเงินเฉพาะกิจการ
เนื่องจากการออกหนังสือติดตามเป็นการออกอัตโนมัติจากระบบฯ รวมถึงช่วงเวลาที่บริษัทกดส่งข้อมูลนั้น ระบบฯ อาจออกหนังสือไปก่อนหน้าแล้ว ทำให้บริษัทยังได้รับหนังสือติดตาม ดังนั้น หากระบบฯ ขึ้นว่าได้ส่งข้อมูลแล้ว บริษัทไม่ต้องดำเนินการอะไรหรือทำหนังสือแจ้งเข้ามายังสำนักงานแต่อย่างใด
เบื้องต้นให้กรอกข้อมูลเป็นในประเทศคิดเป็นร้อยละ 100
เบื้องต้นโปรดตรวจสอบและแก้ไขให้ (A) จำนวนการจ้างงานคนไทยในส่วนบนต้องเท่ากับ (B) ผลรวมจำนวนการจ้างงานคนไทยที่แยกระดับการศึกษาสูงสุดในส่วนล่าง หรือ (A) = (B) ตามรูปด้านล่าง
เครื่องจักรของโครงการที่อยู่ในประเภทกิจการที่ให้บริการ ให้หมายถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ เป็นหลักในการให้บริการ หากไม่มีจะไม่สามารถให้บริการตามโครงการได้ เช่น คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ให้บริการต่างๆ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ให้บริการวิจัยและพัฒนา เครื่องบินและเรือที่ใช้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถดูรายการเครื่องจักรที่แสดงในแบบคำขอรับการส่งเสริมที่เคยยื่นไว้เป็น แนวทางพิจารณาขอบข่ายเครื่องจักรของโครงการได้
สามารถซ่อมในประเทศได้ โดยยื่นคำร้องขออนุญาตนำเครื่องจักรไปเก็บนอกสถานที่และให้ชี้แจงเหตุผลว่าเป็นการขอนำไปซ่อม แบบคำร้องดังกล่าวไม่มีให้ download จึงจะต้องไปขอตัวอย่างจากสำนักบริหารการลงทุนที่ 1-4 และจากนั้นยื่นที่สำนักฯ ที่เกี่ยวข้องนั้นๆ
การตรวจสอบเปิดดำเนินการ ปกติใช้เวลา 1/2 - 1 วัน วิธีการตรวจสอบอาจแตกต่างกันตามประเภทกิจการ และวิธีการของเจ้าหน้าที่แต่ละคน แต่ปกติจะตรวจสอบการติดตั้งเครื่องจักร กำลังการผลิต และอาจสุ่มตรวจเอกสารทางบัญชี เป็นต้น การเปิดดำเนินการกำหนดระยะเวลาพิจารณา 45 วันทำการ
เครื่องจักรที่เคยใช้ในโครงการ 1 ไม่สามารถนำไปใช้ในโครงการ 2 ได้ เพราะถือเป็นการนำเครื่องจักรนั้นไปใช้สิทธิซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในโครงการอื่น หากไม่ต้องการใช้เครื่องจักรดังกล่าวในโครงการ 1 สามารถดำเนินการได้ วิธี คือ
1.ขอส่งคืนไปต่างประเทศ
2.ขอจำหน่ายในประเทศ ซึ่งกรณีนี้นำเข้ามาเกินกว่า 5 ปีแล้ว BOI จึงจะอนุญาตให้จำหน่ายได้โดยไม่มีภาระภาษี
แต่เนื่องจากเครื่องจักรดังกล่าวเป็นเครื่องจักรหลักของโครงการ 1 จึงอาจต้องขอลดกำลังผลิตหรือลดขั้นตอนการผลิตของโครงการ 1 ด้วย
กรณีจะยกเลิกบัตรส่งเสริม โดยที่ไม่เคยใช้สิทธิประโยชน์ใดๆเลย ให้ยื่นหนังสือขอยกเลิกบัตรส่งเสริม (ร่างขึ้นได้เอง ไม่มีตัวอย่าง) โดยอาจระบุเหตุผล และระบุข้อความยืนยันการไม่เคยใช้สิทธิประโยชน์ใดๆตามโครงการดังกล่าวไปด้วย หาก BOI ตรวจสอบว่าไม่เคยมีการใช้สิทธิใดๆ ก็จะยกเลิกบัตรส่งเสริมให้โดยไม่มีภาระภาษี
ตามประกาศ ป.3/2259 สามารถยื่นคำขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรูปแบบเดิม (กระดาษ) ได้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2561 แต่เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการยกเลิกคำขอที่เป็นกระดาษ BOI จึงขอความร่วมมือให้ผู้ได้รับส่งเสริมยื่นคำขอใช้สิทธิผ่านระบบ e-Tax ตั้งแต่ปีนี้
หากการได้รับการส่งเสริมการลงทุนในประเภทกิจการ “IHQ และ ITC” ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจของโครงการ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาขอรับการส่งเสริมการลงทุน “IBC” แต่หากประสงค์จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกิจการ IBC
“วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลาง ธุรกิจระหว่างประเทศ ในลักษณะดังนี้
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งทางตรงหรือทาง อ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทาง ตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการ บริหารงานของศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
(5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
(6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน