Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
ถ้ากรณี B ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในชื่อรองวัตถุดิบ A ต้องจดสูตรการผลิตเป็นชื่อของ B และก็เพิ่มในชื่อรองของวัตถุดิบ A ด้วยจะสามารถทำได้หรือเปล่า

1.ถ้า B ไม่สามารถเพิ่มชื่อรองของวัตถุดิบ ให้ตรงกับชื่อสินค้าของ A ได้ A ก็ต้องขอสูตรการผลิตใหม่ เพื่อให้ชื่อสินค้าตรงกับชื่อรองของวัตถุดิบของ B

2.และถ้า A เป็นกิจการ ITC เมื่อขอสูตรการผลิตใหม่โดยเปลี่ยนชื่อสินค้าให้ตรงกับวัตถุดิบของ B แล้ว A ก็ต้องขอแก้ไขบัญชีวัตถุดิบของ A เพื่อเพิ่มชื่อวัตถุดิบให้ตรงกับชื่อสินค้าด้วย (ปกติกิจการ ITC ชื่อวัตถุดิบและชื่อสินค้าจะต้องตรงกัน)

การขอยกเลิกการอนุมัติให้ชำระภาษีส่วนสูญเสียนอกสูตร หากบริษัทมีความจำเป็นต้องขอยกเลิกเรื่องที่บีโอไอได้อนุมัติให้จำหน่ายส่วนสูญเสียนอกสูตรในประเทศโดยมีภาระภาษีแล้ว จะทำได้หรือไม่ จุดประสงค์เพื่อนำปริมาณ scrap ดังกล่าวมารวมกับ scrap ที่ยังเหลืออยู่ในบริษัท เนื่องจากปริมาณ scrap ที่เหลือในบริษัทจนถึงสิ้นปี (ที่จะต้องนำออกก่อนการนับสต็อก) ไม่เพียงพอให้ vender รับส่งออก scrap จะมารับ scrap ไปส่งออก (และหากจะทำเรื่องขอจำหน่ายในประเทศสำหรับ scrap ที่เหลืออยู่ในบริษัทถึงสิ้นปี ก็จะใช้ระยะเวลามากจนไม่สามารถนำออก scrap ได้ทันก่อนนำนับสต็อกประจำปี)

กรณีต้องการยกเลิกการอนุมัติให้ชำระภาษีส่วนสูญเสียนอกสูตร เพื่อเปลี่ยนเป็นการขอส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ เป็นกรณีที่ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้โดยชัดเจน จึงขอตอบตามความเห็นส่วนตัวของแอดมิน ดังนี้

1.ทำหนังสือถึง BOI เพื่อขอยกเลิกการขอชำระภาษีส่วนสูญเสียนอกสูตร โดยแนบหนังสืออนุมัติฉบับที่จะขอยกเลิก (ฉบับจริง) ไปด้วยทั้งชุด

2.ยื่นหนังสือขออนุญาตส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ พร้อมกับเอกสารแนบทั้งหมด (ใบรับรองจาก inspector etc.)

3.นำหนังสือตามข้อ 1 และ 2 ไปยื่นพร้อมกัน

4.BOI น่าจะอนุมัติให้ยกเลิกหนังสือฉบับเก่า พร้อมกับแจ้งยกเลิกหนังสือไปยังกรมศุลกากร และออกหนังสืออนุญาตให้ส่งส่วนสูญเสียนอกสูตรไปต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เข้าไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ BOI ที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทที่จะดำเนินการ

อยากทราบวิธีการคิดคำนวณกำลังการผลิตเครื่องจักรประเภทเครื่อง Injection Machine ดูได้จากไหนเพราะดูที่ตัวเครื่องแล้วไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับกำลังการผลิตสูงสุดต่อเครื่อง อยากทราบว่าจะคิดคำนวณได้จากไหน เพราะบริษัทฯต้องเตรียมแจ้งเปิดดำเนินการแล้ว

ให้วิศวกรที่โรงงานเป็นคนคำนวณให้ครับก่อนอื่นให้คำนวณหาไซเคิลของการฉีด 1 ครั้ง ว่าใช้เวลากี่นาที และฉีดเป็นชิ้นงานกี่ชิ้น ก็จะคำนวณหากำลังผลิตต่อเครื่องต่อชั่วโมงได้ จากนั้นคำนวณกับวันเวลาทำงานที่ระบุในบัตรส่งเสริม จะออกมาเป็นกำลังผลิตสูงสุดตามเวลาทำงานในบัตรส่งเสริมครับ

กำลังผลิต = จำนวนเครื่อง x กำลังผลิตต่อเครื่องต่อชั่วโมง x ชั่วโมงทำงานตามบัตรส่งเสริม x วันทำงานตามบัตรส่งเสริม
วิธีการกรอกข้อมูล ในฟอร์มเปิดดำเนินการ F PM OP 01-06 ข้อ.3 การคำนวณขนาดกิจการ ผลิตภัณฑ์ ในช่อง กำลังผลิตสูงสุดต่อหน่วยเวลา ใช้กรอกข้อมูลเป็นชิ้นต่อนาทีก่อนแล้วจึงกรอกเป็นชิ้นต่อชั่วโมงต่อเครื่องรึเปล่า ส่วนช่องกำลังผลิตสูงสุดต่อปีที่คำนวณตามเวลาทำงานในบัตรส่งเสริมนั้น ใช้ข้อมูลจำนวนชิ้นต่อชั่วโมงแล้วคูณชั่วโมงการทำงานตามบัตรฯและคูณจำนวนวันตามบัตรฯ และต้องคูณจำนวนเครื่องรึเปล่า หรือเป็นกำลังการผลิตต่อเครื่อง

การกรอกกำลังผลิตสูงสุดต่อหน่วยเวลา (B) ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องกรอกอย่างไร เช่น ถ้าผลิตไซเคิลละ 15 นาที ได้ชิ้นงาน 6 ชิ้น จะกรอกเป็น 15 นาที / 6 ชิ้น = 24 ชิ้น / ชั่วโมง ก็ได้ จากนั้น ก็คูณด้วยจำนวนเครื่อง ชั่วโมงทำงาน วันทำงานตามบัตร ตามตัวอย่างที่เขียนอยู่ในแบบฟอร์มนั่นแหละ

สอบถามการตัดบัญชีวัตถุดิบ อยากทราบวิธีการ/ขั้นตอน และเอกสารที่ต้องเตรียมในการตัดบัญชีวัตถุดิบ ทั้งการขายไปต่างประเทศและขายในประเทศ

อธิบายคร่าวๆ ดังนี้ครับ ขั้นตอนการตัดบัญชี

1.ดาวน์โหลดข้อมูลในขนขาออก หรือ report-v จากระบบ iC-Online System

2.ยื่นตัดบัญชีด้วยไฟล์ EXPORT.xlsx (และ VENDOR.xlsx กรณีมีการโอน vendor)

เอกสารที่ต้องใช้

- ไม่มี

รายละเอียดแนะนำให้เข้าฝึกอบรมคอร์สที่เกี่ยวข้อง ที่สมาคม IC จัดขึ้นเป็นประจำ http://icis.ic.or.th/i-regist/index.php?r=site/course

กรณีเรานำวัตถุดิบมาผลิตสินค้าตามสิทธิ BOI ผลิตส่งออกไปยังต่างประเทศ แต่ลูกค้าต่างประเทศแจ้งว่าต่อไปไม่ต้องส่งสินค้าให้ลูกค้า ไปที่ต่างประเทศให้ไปส่งให้กับ Trading ที่ลูกค้าติดต่อในประเทศไทยไว้ โดยเปิด Invoice ซื้อขายปกติ โดยTrading เป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายในประเทศให้ลูกค้าแบบนี้ถือว่าผิดเงื่อนไขและไม่สามารถมาตัดบัญชีได้ใช่ไหม

A (BOI) -> B (Trading) -> export to C สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

1.กรณี B ได้รับส่งเสริมในกิจการ IPO/ITC

  • เมื่อ B ส่งออก ก็ยื่นตัดบัญชีตามหลักเกณฑ์ปกติ และโอนสิทธิตัดบัญชีให้ A
  • จากนั้น A นำไฟล์ report-v ที่ได้รับจาก B มาตัดบัญชีต่อไป

2.กรณี B เป็น Trading ที่ไม่ได้รับส่งเสริมจาก BOI

  • B ต้องระบุการใช้สิทธิประโยชน์ BOI ในช่อง เงื่อนไขการใช้สิทธิ์ BOI (Y) ในใบขนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
  • ต้องระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักของ A ในช่อง Remark ของสินค้าแต่ละรายการที่จะโอนสิทธิตัดบัญชีให้ A
  • ต้องระบุชื่อสินค้าส่งออกให้ตรงกับชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อรุ่นของ A
  • A จะสามารถดาวน์โหลดข้อมูลใบขนที่ B โอนสิทธิมาให้ ผ่านระบบของ IC เพื่อนำมาตัดบัญชีโดยตรงต่อไป

ในการอนุมัติขอเพิ่มจำนวนเครื่องจักรใช้เวลาอนุมัติประมาณกี่วัน ไม่ใช่เครื่องจักรหลัก
การแก้ไขบัญชีเครื่องจักรทั่วไป (ชื่อหลัก) กำหนดเวลาพิจารณาไว้ไม่เกิน 30 วันทำการ
บริษัทประเภทกิจการ คือ ผลิตภัณฑ์พลาสติกและเคลือบด้วยพลาสติก มีคำถาม 1.แม่พิมพ์ผลิตที่ญี่ปุ่น ส่งไปฟิลิปปินส์ โดยที่ไทย (บริษัทT)เป็นผู้จ่ายเงินค่าแม่พิมพ์ บริษัท T สามารถใช้สิทธิอะไรได้บ้างไหม 2.ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากแม่พิมพ์นี้ นำส่งมาไทย(บริษัทT)สามารถใช้สิทธินำเข้าได้ไหม ชิ้นส่วนอันนี้นำมาประกอบเป็นชิ้นงานแล้วส่งไปขายญี่ปุ่น

กรณีนี้น่าจะเข้าข่ายเรื่องค่าบริการด้านวิศวกรรม จึงขออธิบายความหมายก่อน ดังนี้

บริษัท A (ในประเทศ) จ่ายเงินให้บริษัท B (ต่างประเทศ) เพื่อจ้างผลิตแม่พิมพ์ราคา 1 ล้านบาท โดยไม่นำแม่พิมพ์เข้ามา แต่ให้ส่งแม่พิมพ์ไปให้บริษัท C (ต่างประเทศ) เพื่อว่าจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติกจำนวน 200,000 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 10 บาท และจึงนำชิ้นส่วนพลาสติกเข้ามาในประเทศ ในกรณีเช่นนี้ กรมศุลกากรจะพิจารณาว่า ราคาที่นำเข้าชิ้นละ 10 บาท นั้น ไม่ใช่ราคาที่แท้จริง เพราะต้องนำค่าแม่พิมพ์มารวมคำนวณเป็นราคาสินค้าด้วย

แม่พิมพ์ 1 ล้านบาท หากผลิตชิ้นส่วนพลาสติกได้ 200,000 ชิ้น ก็เท่ากับว่า ชิ้นส่วนพลาสติก 1 ชิ้น ต้องใช้แม่พิมพ์ 5 บาท ดังนั้น ราคาที่แท้จริงของชิ้นส่วนพลาสติกจึงเป็น 10 + 5 = 15 บาท เมื่อบริษัท A นำเข้าชิ้นส่วนพลาสติกจากต่างประเทศ แม้จะจ่ายเงินให้บริษัท C ในราคาชิ้นละ 10 บาท แต่ต้องสำแดงราคาเพื่อประเมินภาษีอากรในราคาชิ้นละ 15 บาท ตอบคำถาม

การซื้อแม่พิมพ์ที่ต่างประเทศ แต่ไม่นำเข้ามาในประเทศ ใช้สิทธิอะไรจาก BOI ไม่ได้ เพราะยังไม่เกิดภาระภาษีอะไร เมื่อนำชิ้นส่วนที่ผลิตจากแม่พิมพ์ดังกล่าวเข้ามาในประเทศ ต้องสำแดงราคาชิ้นส่วนซึ่งรวมราคาแม่พิมพ์ด้วย ซึ่งหากนำเข้ามาเพื่อผลิตส่งออก ก็สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรได้ตามมาตรา 36 (1)

แล้วถ้า B ไม่ใช่ BOI ไม่ได้ส่งออกเลย ขายเฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น จะต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถตัดบัญชีได้

A (BOI) -> B (Trader) -> จำหน่ายในประเทศ

กรณีนี้ A ไม่สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรตามมาตรา 36 สำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตขายให้ B ได้ คือ A ต้องชำระภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบ และนำต้นทุนภาษีไปรวมในราคาที่จำหน่ายให้ B

กรณี บริษัท A นำวัตถุดิบเข้ามาผลิตตามมาตรา 36 ยกเว้นอากรตามสิทธิประโยชน์ กรณีนำเข้าเกิน 1 ปี และจะโอนคืนออกไปต่างประเทศ เพราะไม่ได้ผลิตแล้วสามารถขออนุญาตส่งกลับต่างประเทศได้หรือไม่คะ เห็นว่าเกิน 1 ปี และกรณีขายคืนสามารถทำได้ไหม ผิดเงื่อนไขไหม

วัตถุดิบที่นำเข้ามาโดยใช้สิทธิมาตรา 36 ที่ค้างคงเหลือ ซึ่งไม่สามารถผลิตเป็นสินค้าได้ สามารถขอส่งคืนไปต่างประเทศได้ แม้จะนำเข้ามาเกินกว่า 1 ปีก็ตาม โดยการส่งคืนต่างประเทศนี้จะเป็นการขายก็ได้

ขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้าง

วิธีการตามข้อ 2 คือสำแดงราคาสินค้าโดยการบวกค่าบริการด้านวิศวกรรมเข้าไปด้วย เป็นขั้นตอนการเดินพิธีการศุลกากร แอดมินไม่ทราบรายละเอียด แต่เข้าใจว่าน่าจะสำแดงราคาบนหน้าใบขนได้เลย ลองปรึกษากับบริษัทชิปปิ้งหรือกรมศุลกากรดูนะ

กับบีโอไอต้องแจ้งอะไรไหม และจะได้รับยกเว้นภาษีได้อย่างไร

กับบีโอไอไม่ต้องแจ้งอะไร เพราะถ้าเป็นวัตถุดิบที่นำมาผลิตตามโครงการแล้วส่งออก ก็ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรตาม ม.36 ได้ตามปกติ แม้ราคาวัตถุดิบนั้นจะมีค่าบริการทางวิศวกรรมรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม

ถ้าบริษัทจะนำ Material ที่เป็น non-BOI มาผลิตเป็น BOI เพื่อส่งออกได้หรือไม่ และจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่

บัตรส่งเสริม มีเงื่อนไขกำหนดชนิดผลิตภัณฑ์ / กำลังผลิต / กรรมวิธีการผลิต แต่ไม่ได้มีเงื่อนไขให้ต้องส่งออก และไม่มีเงื่อนไขให้ต้องผลิตโดยใช้วัตถุดิบตามมาตรา 36 เท่านั้น

ดังนั้น จะผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่ใช้สิทธิมาตรา 36 หรือไม่ก็ได้ และจะผลิตเพื่อส่งออกหรือไม่ก็ได้

แต่หากนำเข้าวัตถุดิบใช้สิทธิมาตรา 36 จะต้องใช้วัตถุดิบนั้น เพื่อการผลิตส่งออกเท่านั้น

โอนสิทธิ์ในการตัดบัญชี ระหว่างโครงการ BOI เมื่อโครงการที่ 1 ส่งออกและต้องการตัดบัญชีโอนสิทธิ์คืนให้แก่โครงการที่ 2 บริษัทอยากทราบว่า การโอนสิทธิ์ระหว่างโครงการซึ่งเป็นบริษัทเดียวกัน "การระบุฯ ในใบขนสินค้าขาออกต้องทำอย่างไร" หรือ บริษัทจะต้องเริ่มต้นทำอะไรก่อนที่จะทำใบขนสินค้าขาออกหรือไม่

กรณีที่บริษัท A ได้รับส่งเสริม 2 โครงการ โดยโครงการ A1 จำหน่ายให้โครงการ A2 จากนั้น A2 นำไปผลิตส่งออก A2 กรณีนี้สามารถโอนสิทธิตัดบัญชีวัตถุดิบให้กับ A1 ได้ เช่นเดียวกับการโอนสิทธิให้กับ vendor รายอื่นทั่วไป ดังนี้

เมื่อ A2 ส่งออกและยื่นตัดบัญชีวัตถุดิบ ให้ยื่นไฟล์ VENDOR.xlsx เข้าไปพร้อมกัน โดยระบุข้อมูลในแต่ละช่อง ดังนี้

  • Product Code ระบุชื่อโมเดลของสินค้าที่ซื้อจากโครงการ A1
  • English Description ระบุชื่อสินค้าที่ซื้อจากโครงการ A1
  • Vendor name ระบุชื่อบริษัท A
  • Vendor id ระบุเลขนิติบุคคลของบริษัท A
  • Type ระบุ B

เมื่อโครงการ A2 ตัดบัญชีเสร็จสิ้น โครงการ A1 ก็รับ report-v จากโครงการ A2 และนำมาตัดบัญชีในส่วนของ A1 ต่อไป

ทางบริษัทฯ ได้รับการส่งเสริม BOI โดยมีแผนจะนำเข้า spare part สำหรับแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก โดย spare parts ดังกล่าวต้องเป็นส่วนประกอบของแม่พิมพ์ที่ได้เคยใช้สิทธินำเข้า BOI มาก่อนแล้วใช่ไหม เพราะแต่ก่อนจะเสียภาษีนำเข้า แต่ถ้าทางบริษัทฯ จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีภายใต้ BOI สามารถกระทำได้หรือไม่ แล้วต้องชี้แจงตอนเปิดดำเนินการด้วยหรือป่าวว่ามีการนำเข้ามากี่ตัว ขอคำชี้แนะด้วย

1. อะไหล่ของแม่พิมพ์ ต้องเป็นส่วนประกอบของแม่พิมพ์ที่นำเข้ามาใช้ในโครงการที่ได้รับส่งเสริม แต่แม่พิมพ์นั้นจะนำเข้ามาโดยยกเว้นภาษีหรือชำระภาษีก็ได้

2. ดังนั้น แม้ว่าบริษัทจะนำเข้าแม่พิมพ์เข้ามาโดยชำระภาษี แต่ก็สามารถขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีอะไหล่แม่พิมพ์ได้ โดยไม่เงื่อนไขในการใช้สิทธิคือ ต้องใช้เฉพาะในโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น

3. แม่พิมพ์ และอะไหล่ สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้ามาโดยไม่จำกัดจำนวน แต่ตามที่อธิบายไปแล้วคือต้องใช้เฉพาะโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น

ทางบริษัทฯ สงสัยเกี่ยวกับ "ต้องใช้เฉพาะในโครงการที่ได้รับการส่งเสริมเท่านั้น" หมายถึง ต้องนำเข้ามาเพื่อใช้ในขอบเขตที่ทาง BOI อนุมัติใช่หรือไม่ แล้วตอนเปิดดำเนินการจำเป็นต้องมีรายการอะไหล่ หรือ อะไหล่จริง เพื่อชี้แจงด้วยหรือเปล่า
1. ต้องใช้เฉพาะในโครงการที่ได้รับส่งเสริม คือ

- หากบริษัทมีหลายกิจการ ทั้งที่ได้รับส่งเสริมและไม่ได้รับส่งเสริม ก็ต้องใช้ในกิจการส่วนที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น

- กิจการที่ได้รับส่งเสริม ก็ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริมอยู่แล้ว

2. คำถามที่สอง ไม่เข้าใจครับว่าจะถามอะไร

ขอสอบถามเพิ่มเติม ในกรณีนี้ A2 ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องโอนสิทธิตัดบัญชีคืนให้กับ A1 ก่อนที่จะมีการส่งออกและยื่นตัดบัญชี จะต้องเพิ่มชื่อรายการวัตถุดิบที่ซื้อจาก A1 ในชื่อรองของบัญชีปริมาณสต็อกสูงสุดด้วย บริษัทเข้าใจถูกต้องหรือไม่

บริษัทเข้าใจถูกต้องแล้ว เช่น A1 ผลิต Motor ขายให้ A2 เพื่อนำไปผลิตเป็นพัดลม และส่งออก A2 ก็ต้องมี Motor เป็นชื่อรองของวัตถุดิบด้วย จึงจะโอนสิทธิตัดบัญชี Motor ไปให้ A1 ได้

จำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปกรณีได้รับสิทธิมาตรา 36 1.กรณีที่ A ขายให้ B (ต่างประเทศ) แต่ส่งของไปให้ C (ในประเทศ) บางส่วน เช่น ได้รับออเดอร์มา 300,000 ชิ้น ขายแบบส่งออกให้ B 286,000 ชิ้น และส่งของให้ C 14,000 ชิ้น สามารถนำเข้าวัตถุดิบโดยใช้สิทธิตามมาตรา 36 แล้วมาดำเนินการทำเรื่องเสียภาษีนำเข้าตอนที่ขายได้หรือไม่ 2.ถ้าได้มีเงื่อนไขอะไรบ้าง 3.A หรือ C ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง 4.ระยะเวลาในการดำเนินการกี่วัน เอกสารที่ใช้ประกอบการพิจารณามีอะไรบ้าง

หาก A นำวัตถุดิบที่ใช้สิทธิมาตรา 36 ไปผลิตจำหน่ายสินค้าให้กับ B ในราคาไม่รวมภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบ แต่ B นำสินค้านั้นไปจำหน่ายในประเทศ

A จะต้องยื่นขอชำระภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบตามสภาพ ณ วันนำเข้า สำหรับวัตถุดิบล็อตที่ถูกนำไปจำหน่ายในประเทศ จากนั้นนำเอกสารหลักฐานไปยื่นตัดบัญชีวัตถุดิบ

ถ้านำเข้าอะไหล่ภายใต้เงื่อนไขตามบัตรส่งเสริมแล้ว พอครบกำหนดเปิดดำเนินการ ณ วันที่เจ้าหน้าที่สำนักงาน BOI เข้าตรวจสอบ ทางบริษัทฯ ต้องชี้แจงรายการอะไหล่ที่นำเข้าด้วยหรือไม่ และต้องแสดงอะไหล่จริงที่นำเข้ามานั้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วยหรือไม่
ในวันตรวจสอบเปิดดำเนินการ

- เจ้าหน้าจะตรวจสอบขั้นตอนการผลิตและกำลังผลิต ว่าเป็นไปตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม

- ส่วนการจะตรวจสอบว่า เครื่องจักร (รวมถึงอะไหล่) ทุกตัวอยู่ที่โรงงานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่แต่ละคน แม้ว่าในทางปฏิบัติส่วนใหญ่อาจไม่ได้ตรวจก็ตาม

- การจำหน่ายเครื่องจักรหรือนำออกไปใช้นอกโครงการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบในวันเปิดดำเนินการ สามารถตรวจสอบจากเอกสารอื่นได้ หากหน่วยงานราชการ เช่น กรมศุลกากรตรวจพบการกระทำผิด BOI ก็สามารถเพิกถอนสิทธิเครื่องจักรนั้นๆได้ แม้ว่าจะเปิดดำเนินการไปแล้วหรือไม่ก็ตาม

บริษัทฯ กำลังจะทำเรื่องขอขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรย้อนหลัง และทำบัญชีรายการเครื่องจักร เพื่อขอคืนอากร แต่ตรวจพบภายหลังว่าได้นำเครื่องจักรไปจำนองแล้ว โดยไม่ได้ขออนุญาตจาก BOI สอบถามว่า 1.ทางบริษัทฯ ยังคงสามารถทำเรื่องขยายเวลาย้อนหลัง เพื่อขอคืนอากรได้อยู่หรือไม่ 2.เครื่องจักรที่นำไปจำนอง สามารถทำหนังสือให้ BOI อนุมัติย้อนหลัง ได้หรือเปล่า 3.ในกรณีที่สามารถทำเอกสารย้อนหลังได้ ควรดำเนินการอะไรก่อน-หลัง (ขอขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรย้อนหลัง,ขออนุมัติรายการเครื่องจักร,ขออนุญาตจำนองเครื่องจักร)
เงื่อนไขในบัตรส่งเสริมกำหนดไว้ว่า

"จะต้องไม่จำนอง จำหน่าย โอน ให้เช่า หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้เครื่องจักรที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า ในกรณีที่ได้รับอนุญาตให้จำนองเครื่องจักร............."

กล่าวคือ ถ้าจะจำนองเครื่องจักรที่ใช้สิทธิยกเว้นอากร ต้องขออนุญาตก่อน แต่ถ้าจะจำนองเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้สิทธิยกเว้นอากร ก็ไม่ต้องขออนุญาต ตอบคำถามดังนี้

1.สามารถทำได้ เพราะหลักเกณฑ์การพิจารณาคืนอากรเครื่องจักร จะพิจารณาเพียงว่าเครื่องจักรนั้นตรงตามบัญชีรายการเครื่องจักรที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วหรือไม่ หากตรงตามบัญชี ก็สามารถยื่นขอคืนอากรได้

2.การขออนุมัติต่างๆ ปกติจะกำหนดให้มีผลตั้งแต่วันที่บริษัทยื่นขอ จะไม่ย้อนหลังไปในอดีต

3.ปกติไม่ควรอนุมัติย้อนหลัง จึงขอไม่ตอบ

เรื่องที่สอบถาม น่าจะทำได้ 2 วิธีคือ วิธีที่ 1 ยื่นขอคืนอากรเครื่องจักร

- เมื่อได้รับอนุมัติคืนอากรแล้วจึงยื่นขออนุญาตนำเครื่องจักรไปจำนอง

- เมื่อได้รับอนุมัติให้จำนอง ควรทำสัญญาจำนองอีกรอบหนึ่ง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติให้จำนอง (แก้ไขเพิ่มเติม ณ 18 ส.ค. 58) - สำหรับการจำนองก่อนหน้านั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะในขณะที่จำนองนั้น ยังเป็นเครื่องจักรที่ไม่ได้รับยกเว้นอากร ซึ่งจะยื่นขออนุญาตจำนองในขณะนั้นไม่ได้ วิธีที่ 2 ยกเลิกการจำนองไปก่อน

- จากนั้นจึงยื่นขอคืนอากรเครื่องจักร

- เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงทำเรื่องขออนุญาตนำเครื่องจักรไปจำนอง

- จากนั้นจึงทำการจำนองใหม่อีกครั้งหนึ่ง จะเลือกใช้วิธีไหน น่าจะปรึกษากับ จนท BOI ที่ดูแลงานเครื่องจักรของบริษัท

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map