Chat
x
toggle menu

Font Size

toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
บริษัทได้รับบัตรปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเป็นระบบอัตโนมัติ หลังจากรับบัตรแล้ว บริษัทมีความต้องการลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรเพิ่มอีกประมาณ 18 ล้านบาท บริษัทสามารถยื่นขอแก้ไขโครงการในส่วนที่ต้องการลงทุนเพิ่มได้หรือไม่ (13 ธ.ค. 2564)

กรณีที่จะต้องมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม โดยเครื่องจักรดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่ได้รับอนุมัติอยู่เดิม อาจยื่นขอแก้ไขโครงการ เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ที่ได้รับอนุมัติแล้วได้ ตามแนวทางข้อ 1.5 ใน คำชี้แจง สกท ลงวันที่ 28 กันยายน 2561

แต่หากเครื่องจักรที่จะลงทุนเพิ่ม ไม่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงประสิทธิภาพ ตามที่ได้รับอนุมัติอยู่เดิม เช่น เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังผลิต เพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์ หรือเพิ่มขั้นตอนการผลิต ไม่น่าจะอยู่ในข่ายที่จะขอแก้ไขโครงการได้

A ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอากรตามมาตรา 36 ส่วนลูกค้าคือ B ได้รับสิทธิลดหย่อนอากรตามมาตรา 30 จะยังสามารถจำหน่ายให้กันได้หรือไม่

สิทธิลดหย่อนภาษีวัตถุดิบ (ม.30) ใช้ในกรณีที่นำวัตถุดิบเข้ามาเพื่อผลิตเป็นสินค้า ซึ่งจะส่งออกหรือไม่ก็ได้ ส่วนสิทธิยกเว้นภาษีวัตถุดิบ (ม.36) ใช้ในกรณีที่นำวัตถุดิบเข้ามาผลิตส่งออก

1) A (ม.36) -> B (ม.36) -> ส่งออก ... กรณีนี้สามารถทำได้ ไม่มีปัญหา

2) A (ม.36) -> B (ม.30) -> จำหน่ายในประเทศ ... กรณีนี้มีปัญหา เนื่องจากเป็นการนำวัตถุดิบตามมาตรา 36 ไปจำหน่ายในประเทศ

3) A (ม.36) -> B (ม.30) -> ส่งออก ... กรณีนี้มีปัญหา เนื่องจากวิธีการตัดบัญชีตามมาตรา 30 เป็นการสรุปรายงานการผลิตจำหน่ายปีละ 1 ครั้ง ซึ่งต่างกับวิธีการตัดบัญชีตามมาตรา 36 ... จึงควรให้ลูกค้า B ขอรับสิทธิตามมาตรา 36 เพิ่มเติม และดำเนินการตามวิธีที่ 1 คือ A (ม.36) -> B (ม.36) -> ส่งออก

บริษัทจะส่งอะไหล่ไปซ่อมต่างประเทศ หลังจากได้รับอนุมัติจากระบบ emt แล้วจะต้องแจ้งกรมศุลออกใบสุทธินำกลับอย่างไร
ขั้นตอนการทำใบสุทธินำกลับ เป็นขั้นตอนของทางกรมศุลกากร จึงไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบนเว็บบอร์ดนี้ น่าจะปรึกษากับชิปปิ้งหรือกรมศุลกากร จะได้คำตอบที่ถูกต้องกว่า
กรณีเครื่องจักรหรืออะไหล่ ออกไปซ่อมต่างประเทศ ราคาที่สำแดงใน Invoice ขาออก ต้องระบุให้ตรงกับราคาของ invoice ที่นำเข้าใช่หรือไม่ และตอนที่เครื่องจักรหรืออะไหล่ซ่อมเสร็จแล้วต้องการนำเข้ามา ราคาของ ต้องสำแดงราคาอย่างไรในการนำเข้า
1. BOI ไม่ได้ตรวจสอบราคาของเครื่องจักรที่สำแดงในอินวอยซ์ขาออก กรณีส่งออกไปซ่อม จึงควรสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมศุลกากร เนื่องจากบริษัทจะต้องยื่นขอทำใบสุทธินำกลับต่อกรมศุลกากรด้วย

2. ราคาที่นำกลับเข้ามาหลังซ่อมเสร็จ ต้องแสดงค่าซ่อมด้วย เนื่องจากจะต้องคำนวณอากรขาเข้าสำหรับค่าซ่อมนี้ (ค่าซ่อมสามารถยกเว้นอากรขาเข้า ตามสิทธิที่บริษัทได้รับ)

คำถามที่ไม่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของ BOI และ IC รบกวนติดต่อสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
เนื่องจาก ระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบได้หมดอายุลง ตั้งแต่ เดือน เมษายน 2560 ทางบริษัทฯ ต้องดำเนินการยื่นเอกสารขอสิทธิ์ใหม่ใช่หรือไม่ และต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ใช้เวลาในการขอสิทธิ์ใหม่กี่วัน

ตาม ประกาศ สกท ที่ ป.8/2561 การขอขยายเวลานำเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 36 จะต้องยื่นคำขอขยายเวลาภายในไม่เกิน 6 เดือน นับจากวันสิ้นสุดสิทธิ

กรณีที่สอบถาม ระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบสิ้นสุดเกินกว่า 6 เดือนแล้ว จึงจะขอขยายเวลานำเข้าไม่ได้ แต่สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 36 ได้อีก โดยวัตถุดิบที่เหลือค้างจากการนำเข้าตามระยะเวลาเดิม จะต้องดำเนินการตัดบัญชีหรือขอชำระภาษี เพื่อเคลียร์ยอดค้างคงเหลือเป็น 0 ด้วย

ตามประกาศ กกท ที่ 2/2557 ข้อ 10 ระบุว่าบริษัทที่ได้รับส่งเสริมในกิจการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน สามารถขอนำเครื่องจักรเข้ามาปรับปรุงหรือทดแทนเครื่องจักรเดิม หรือเพื่อเพิ่มกำลังผลิตได้ โดยได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรแม้จะเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้วก็ตาม โดยบริษัทได้รับส่งเสริมในประเภทกิจการ 5.1 และ 5.3 (เครื่องใช้ไฟฟ้า) เข้าข่ายประเภทกิจการตามประกาศดังกล่าวหรือไม่ บริษัทได้รับส่งเสริมโดยได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม ต่อมาได้ยื่นขอเพิ่มรายการเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังผลิต แต่ทาง BOI แหลมฉบัง ไม่อนุมัติให้ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เนื่องจากเกินกำลังผลิตตามบัตรส่งเสริม (ก่อนหน้านี้บริษัทเคยได้รับการยกเว้นอากร แม้ว่ากำลังการผลิตจะเกินในขั้นตอนเปิดดำเนินการมาหลายเครื่องแล้ว)

เครื่องจักรที่จะอนุมัติให้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้า จะต้องเป็นไปตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม คือ มีกำลังการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม การไม่อนุมัติให้เพิ่มรายการเครื่องจักร เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเกินกว่าบัตรส่งเสริม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง

ประกาศ กกท ที่ 6/2549 ไม่ได้ถูกยกเลิกโดยประกาศ กกท ที่ 2/2557 บริษัทที่ได้รับส่งเสริมในกิจการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วน จึงยังสามารถขอนำเครื่องจักรเข้ามาปรับปรุงหรือทดแทนเครื่องจักรเดิมหรือเพื่อเพิ่มกำลังผลิตได้ โดยได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรแม้จะเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้วก็ตาม กรณีเพิ่มกำลังการผลิตจะต้องยื่นขอแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มกำลังผลิตให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงขอแก้ไขบัญชีรายการเครื่องจักร เพื่อเพิ่มรายการ/ปริมาณเครื่องจักรต่อไป

การขอแก้ไขโครงการโดยมีการลงทุนเพิ่ม มีประกาศ สกท ที่ ป.3/2547 กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า จะต้องยังไม่เปิดดำเนินการเต็มโครงการ แต่ประกาศ กกท ที่ 6/2549 เป็นประกาศที่ออกมาภายหลัง ซึ่งสามารถอ้างหลักเกณฑ์ตามประกาศ กกท ที่ 6/2549 ได้

เบื้องต้น แนะนำให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการกองส่งเสริมการลงทุน 2 ที่รับผิดชอบกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อปรึกษาเรื่องการขอแก้ไขกำลังผลิตของโครงการที่เปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว เพื่อนำเข้าเครื่องจักรเข้ามาเพิ่มเติมต่อไป

บริษัทได้รับส่งเสริมดังนี้
Product A ตามบัตรส่งเสริม มีกำลังการผลิต 17,000 ชิ้น (เวลาทำงาน 24 ชม 280 วัน)
Product B ตามบัตรส่งเสริม มีกำลังการผลิต 465,000 ชิ้น (เวลาทำงาน 24 ชม 280 วัน)
หลังเปิดดำเนินการ มีกำลังการผลิต ดังนี้
Product A ตามบัตรส่งเสริม มีกำลังการผลิต 18,547 ชิ้น (เวลาทำงาน 24 ชม 360 วัน) คิดเป็น 109% ของโครงการ (109% ของ 17,000 ชิ้น)
Product B ตามบัตรส่งเสริม มีกำลังการผลิต 290,304 ชิ้น (เวลาทำงาน 24 ชม 360 วัน) คิดเป็น 62% ของโครงการ (62% ของ 465,000 ชิ้น)
ปริมาณนี้ได้มาจาก การคำนวณประสิทธิภาพเครื่องจักร ณ วันเปิดดำเนินการ โดยคำนวณที่ 90% ของประสิทธิภาพเครื่องจักรจริง
คำถามคือ บริษัทต้องการขอเพิ่มกำลังการผลิตโดย
1. เพิ่มเวลาทำงานจาก 24 ชม. 360 วัน เป็น 24 ชม. 365 วัน
2. ขอเพิ่ม 30% เกินจากกำลังการผลิต ได้หรือไม่ ถ้าได้ จะเป็นการเพิ่ม 30% จากกำลังการผลิตตอนเปิดดำเนินการ หรือ 30% จากกำลังการผลิตตอนได้รับบัตรส่งเสริม
ขอตอบคำถามดังนี้
1. หลักเกณฑ์ 30% ใช้กับกรณีแก้ไขผลิตภัณฑ์/กำลังผลิต โดยมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม กรณีที่สอบถาม เป็นการขอเพิ่มกำลังผลิตโดยเพิ่มเวลาทำงาน จึงไม่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ดังนั้นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเวลาทำงานที่เพิ่มขึ้นสามารถแก้ไขโครงการได้ตลอดระยะเวลาที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ฯ หรือตลอดระยะเวลาที่ถือบัตรส่งเสริม โดยยื่นคำขอแก้ไขโครงการ
2. นอกจากนี้ บริษัทได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว จึงไม่เข้าข่ายจะขอแก้ไขโครงการโดยการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มได้เช่นกัน
3. บริษัทได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการโดยมีกำลังผลิต A 18,547 ชิ้น (24 ชม. 360 วัน) B 290,304 ชิ้น (24 ชม. 360 วัน)
ดังนั้น หากจะขอเพิ่มกำลังผลิตโดยการเพิ่มเวลาทำงาน สามารถขอเพิ่มได้เป็น A 18,804 ชิ้น (24 ชม. 365 วัน) B 294,336 ชิ้น (24 ชม. 365 วัน) แต่อาจไม่จำเป็นต้องทำ เนื่องจาก
1) ไม่ได้ทำให้ Max Stock เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
2) หากต้องการเพิ่มกำลังผลิต เพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนที่เพิ่มขึ้น (ถ้ายังไม่สิ้นสุดสิทธิ) จะต้องเป็นยอดขายจากกำลังผลิตที่เกิดขึ้นจริง จากการทำงาน 24 ชม. 365 วัน

ถาม Q1.1:

ตามคำตอบข้างต้นตามข้อ 2) หากต้องการเพิ่มกำลังผลิต เพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนที่เพิ่มขึ้น (ถ้ายังไม่สิ้นสุดสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล) จะต้องเป็นยอดขายจากกำลังผลิตที่เกิดขึ้นจริง จากการทำงาน 24 ชม. 365 วัน
จากข้อความข้างต้นนี้ หมายถึง หากวันทำงานจริงไม่ถึง 365 วัน ก็จะไม่ได้สิทธิเต็มจำนวน ใช่หรือไม่ ทางสรรพากรหรือ BOI เช็คตรงนี้ด้วยหรือไม่ว่า จำนวนวันทำงานจริงในแต่ละปี ตรงกับที่ระบุในบัตรแก้ไขหรือไม่ (แต่ละปีก็อาจจะไม่เท่ากัน)


ตอบ A1.1:

การตรวจสอบวัน/เวลาในการผลิต เพื่อคำนวณจำนวนการผลิต/รายได้/กำไรในแต่ละปีเพื่อขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น จะเป็นการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีระบุไว้ในรายงานผู้สอบบัญชี แนบเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาขออนุมัติใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล

อยากสอบถามเกี่ยวกับการยื่นขอขยายเวลานำเข้าวัตถุดิบ ตามมาตรา 36 เนื่องจากเป็นพนักงานใหม่ไม่เคยทำเรื่องขอขยายมาก่อน เลยไม่ทราบว่าจะต้องเอาตัวเลขจากไหนมากรอกในข้อ 6 กิจการเป็น ITC ตัดบัญชีจาก Report-V ข้อ 6. ตลอดรอบปีบัญชีวัตถุดิบที่ได้รับอนุมัติให้ใช้สิทธิและประโยชน์มาตรา 36(1) และ 36(2) ตามบัตรส่งเสริม ฉบับสุดท้ายนั้น บริษัทขอรายงานรายละเอียดมูลค่าการนำเข้าและมูลค่าการส่งออกรวมถึงมูลค่าสินค้า คงคลัง ในช่วง 2 รอบปีสุดท้ายหรือปีสุดท้าย

มูลค่าวัตถุดิบที่นำเข้า และมูลค่าสินค้าที่ส่งออก ฝ่ายบัญชีน่าจะช่วยคำนวณตัวเลขออกมาให้ได้ มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่รอตัดบัญชี จะใช้ตัวเลขจากมูลค่าใบขนขาออกที่ยังไม่ได้ยื่นตัดบัญชี และยอดขายตามอินวอยซ์ซึ่งยังไม่ได้รับ report-v คืนจากลูกค้า มูลค่าวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือในสต็อก สามารถเช็คตัวเลขได้จากวัตถุดิบและสินค้าคงคลัง และคำนวณย้อนกลับเป็นมูลค่าวัตถุดิบหรือมูลค่าสินค้า ตามแต่ละกรณี

ตอนนำเข้าเครื่องจักรกรณีส่งซ่อม ตอนนำเข้าต้องแยกเป็น 2 รายการหรือไม่ เช่น ส่งซ่อมเครื่อง Press Machine รายการที่สำแดง Press Machine + Repair charge
หากส่งเครื่อง Press Machine ไปซ่อม ตอนนำกลับเข้ามา ก็ต้องระบุรายการเป็นเครื่อง Press Machine โดยระบุราคาเฉพาะค่าซ่อม รายะเอียดการทำอินวอยซ์ ขอให้ปรึกษากับชิปปิ้งและกรมศุลกากรโดยตรง
เนื่องจากมีขออนุมัติส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ (นอกระบบ) ซึ่งมีหลายรายการ ซึ่งเป็นเลขที่คำร้องเลขที่เดียวกัน และเจ้าหน้าที่อนุมัติแล้ว แต่ต้องการยกเลิกบางรายการสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร
กรณีที่หนังสืออนุมัติแล้ว ไม่สามารถยกเลิกเพียงบางรายการได้ ต้องยกเลิกหนังสือทั้งฉบับ และยื่นเข้าไปใหม่
การขอขยายเวลานำเข้าวัตถุดิบของกิจการ ITC สามารถขยายได้ครั้งล่ะ 1 ปี หรือ 2ปี
กิจการ ITC จะให้ขยายระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบครั้งละ 1 ปี
แก้ไขกำลังการผลิตหลังเปิดดำเนินการแล้ว
บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เปิดดำเนินการแล้ว และมีกำลังการผลิตตามบัตรฯ ปีละ 25,000,000,000 ชิ้น/ปี มีเครื่องจักรหลักที่ใช้นับกำลังการผลิตในโครงการที่นำเข้าแล้วจำนวน 21 เครื่อง โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมดจำนวน 48,000,000,000 ชิ้น/ปี ถ้ากำลังการผลิตของเครื่องจักรในโครงการสามารถผลิตได้จริงมากกว่ากำลังการผลิตตามบัตรฯ บริษัทต้องขอแก้ไขกำลังการผลิตในบัตรฯ หรือไม่ เพื่อให้ได้เท่ากับกำลังการผลิตของเครื่องจักรที่ผลิตได้จริง

1. กิจการอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรตลอดระยะที่ได้รับส่งเสริม จึงอาจเป็นไปได้ว่า อาจมีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงทดแทนเครื่องจักรเดิม ภายหลังจากได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการแล้ว และทำให้กำลังผลิตที่ผลิตได้จริง มีมากกว่าที่ได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการ

2. โดยปกติ BOI จะตรวจสอบเปิดดำเนินการ โครงการละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขโครงการโดยมีการลงทุนเพิ่ม (เช่น เพื่อเพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์ หรือเพิ่มกำลังผลิต) จะมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นกรณีที่ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้โครงการที่เปิดดำเนินการแล้วมีการลงทุนเพิ่ม

3. การให้สิทธิเครื่องจักรตลอดไป เป็นเพียงการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรให้ตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม แต่ไม่มีข้อความใดระบุว่า จะให้กำลังผลิตที่อาจเพิ่มขึ้นได้รับสิทธิทางภาษีเงินได้ด้วย นอกจากนี้ บริษัทไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่มกำลังผลิต


ตามกรณีที่สอบถาม บริษัทนำเครื่องจักรเข้ามาเพิ่มเติมหลังจากเปิดดำเนินการแล้ว ตามสิทธิมาตรา 28 ที่ได้รับ จึงทำให้มีกำลังผลิตเกิน ซึ่งไม่อยู่ในข่ายจะขอยื่นแก้ไขโครงการเนื่องจากเปิดดำเนินการไปแล้ว กรณีนี้ BOI จะยังคงยึดถือกำลังผลิตตามผลการตรวจสอบเปิดดำเนินการในครั้งแรกตามที่ระบุในบัตรส่งเสริม

การรายงานการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ถือหุ้น
การเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ถือหุ้นของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน เช่น การเปลี่ยนชื่อบริษัทผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ นอกจากขอแก้ไข บอจ.5 แล้ว ทางบริษัทต้องแจ้งบีโอไอภายในกี่วัน การแจ้งมีแบบฟอร์ม หรือสามารถทำเป็นจดหมายแนบ บอจ.5 ที่แก้ไขแล้วได้
ตอบคำถามดังนี้
1. ในบัตรส่งเสริมการลงทุน กำหนดเงื่อนไขทั่วไปไว้ว่า ต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการถือหุ้นระหว่างผู้มีสัญชาติไทยและคนต่างด้าว และการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของคนต่างด้าวต่างสัญชาติ ทุกครั้ง ดังนั้น หากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น แต่ไม่ขัดกับเงื่อนไขสัดส่วนการถือหุ้นไทยที่กำหนดในเงื่อนไขเฉพาะโครงการในบัตรส่งเสริม จะต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงต่อ BOI ในกรณีดังนี้
1.1 การเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นไทย เป็นผู้ถือหุ้นไทยรายอื่น
-> ไม่ต้องรายงานต่อ BOI
1.2 การเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นไทย เป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติ (โดยไม่ขัดกับเงื่อนไขสัดส่วนการถือหุ้นไทย)
-> ต้องรายงานต่อ BOI
1.3 การเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นต่างชาติ เป็นผู้ถือหุ้นไทย
-> ต้องรายงานต่อ BOI
1.4 การเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นต่างชาติ เป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายอื่นที่เป็นสัญชาติเดียวกัน
-> ไม่ต้องรายงานต่อ BOI
1.5 การเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นต่างชาติ เป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายอื่นแต่ต่างสัญชาติกัน
-> ต้องรายงานต่อ BOI
2. กรณีที่ต้องรายงาน ให้ใช้เอกสารหัวจดหมายบริษัท (ไม่มีแบบฟอร์ม) เพื่อยื่นรายงานต่อ BOI และแนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น
บอจ.5 ฉบับล่าสุด ที่ได้มีการแก้ไขรายชื่อผู้ถือหุ้น และยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว เป็นต้น ทั้งนี้ ไม่มีเงื่อนไขกำหนดว่าต้องยื่นรายงานภายในกี่วัน
3. BOI ไม่มีวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบหรือจัดเก็บรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท แต่ใช้เพื่อการจัดเก็บข้อมูลของการลงทุนไทย และการลงทุนต่างชาติ (แยกตามสัญชาติ) ในเชิงสถิติเท่านั้น จึงกำหนดให้รายงานเฉพาะกรณีตามข้อ 2.2, 2.3 และ 2.5
บริษัทมีบัตรรับโอนกิจการที่กำลังจะครบกำหนดระยะเวลานำเข้า หากต้องการยื่นขอขยายเวลานำเข้า จะต้องยื่นเรื่องว่าขอขยายครั้งที่ 1 หรือ ต้องนับต่อจากบริษัทเดิม (บริษัทเดิมเคยยื่นขยายมาแล้ว 2 ครั้ง)
ให้นับต่อจากเดิม
ในกรณีที่ยื่นไปใหม่แล้วไม่อนุมัติต้องทำอย่างไร เนื่องจากเป็นการอนุมัติครั้งแรก
การขอส่งคืนเครื่องจักรไปต่างประเทศ หากไม่ทำให้กำลังผลิตลดลงเกิน 20% และไม่ทำให้ขั้นตอนการผลิตขาดหายไป จะอนุมัติให้ส่งคืนทุกกรณี หากไม่อนุมัติ ก็ต้องสอบถามเหตุผลจาก BOI หรือ IC
ในกรณีที่นำเข้าใช้สิทธิ์สั่งปล่อยเป็นเครื่องจักรหลัก (Laser machine and assessori) แต่ต่อมาต้องการส่งไปต่างประเทศ แค่บางส่วน (Chiller) อย่างนี้ต้องขออนุญาต BOI หรือไม่อย่างไร
ต้องขออนุญาต โดยทำรายการเช่นเดียวกับการส่งซ่อม/ส่งคืน ตามปกติ แต่เมื่อถึงขั้นตอนเลือกเครื่องจักร ให้ติ๊กที่ "ชื่อรายการที่ส่งซ่อม/ส่งคืนไม่ตรงกับชื่อในบัญชี" จากนั้นคีย์ ชื่อตามที่ส่งคืน และจำนวน
การกรอกแบบฟอร์มรายงานการนำเข้า คำว่า รอบปีที่......นำเข้าตั้งแต่วันที่....... ให้เอาตั้งแต่เริ่มต้น หรือว่าให้เอารอบปีปัจจุบัน ซึ่งนำเข้า 1 มกรา 59-วันนี้ใช่หรือไม่
ให้ใช้รอบปีของบัญชีวัตถุดิบ เช่น รอบปีที่ 1 (15 พ.ค. 58 - 14 พ.ค. 59)
ในการขอขยายเวลานำเข้าวัตถุดิบ ในการกรอกข้อมูลรายงานนำเข้าวัตถุดิบ F IN ER 10-04 ให้กรอกทุกรายการวัตถุดิบ หรือกรอกเฉพาะรายการที่มีการนำเข้าในรอบปี อย่างเช่นมี 20 รายการ ในรอบปีที่ผ่านมา มีนำเข้าแค่ 1 รายการ อย่างนี้ต้องใส่ข้อมูล 20 รายการ หรือ 1 รายการ
ให้กรอกวัตถุดิบทุกรายการ รายการใดไม่ไดนำเข้า ก็คีย์เป็น 0
มูลค่าหรือราคา Mold/Die/แม่พิมพ์ ที่ส่งออกไปซ่อมต้องใช้ราคาตาม Invoice นำเข้าหรือเปล่า และนำกลับมาใช้ราคาเฉพาะค่าซ่อมอย่างเดียวได้หรือไม่ หรือต้องใช้ราคาตาม Invoice ที่นำเข้ามาตั้งแต่ครั้งแรกทั้งไปและกลับ
1. เรื่องมูลค่า ไม่ทราบครับ ไม่เป็นข้อกำหนดของ BOI

2. ความเห็นส่วนตัวคือ มูลค่าส่งซ่อม น่าจะใช้ตาม invoice ขาเข้า ส่วนเมื่อนำกลับ สำแดงมูลค่าตาม invoice ที่ส่งออก + ค่าซ่อม โดยอากรสำหรับสินค้าประธาน (แม่พิมพ์) จะได้รับยกเว้นตามที่ขอทำใบสุทธินำกลับไว้ ส่วนอากรขาเข้าสำหรับค่าซ่อม สามารถขอสั่งปล่อยยกเว้นภาษีอากรตามสิทธิ BOI

ประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับ BOI ขอให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องการนำเข้า mold / แม่พิมพ์ บริษัทฯได้ส่ง mold/ แม่พิมพ์ ออกไปซ่อมโดยทำเรื่องของบี.โอ.ไอ ถูกต้องและทำเรื่องสุทธินำกลับเรียบร้อย แต่ตอนนำกลับเข้ามาไม่ได้ใช้สิทธิดังกล่าว คือสั่งปล่อยเข้ามาปกติ กรณีนี้บริษัทฯต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะ stock ยังคงค้างอยู่กับระบบของ IC / BOI
ให้เข้าไปในระบบ eMT และยื่นเปลี่ยนแปลงจากการส่งซ่อมเป็นส่งคืน ส่วนแม่พิมพ์หลังซ่อม ที่สั่งปล่อยปกติ ก็ปล่อยตามนั้น

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map