Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
กรณีทางบริษัทจะรับจ้างผลิตสินค้าให้กับทางบริษัท .... เยอรมัน ทางบริษัทจะต้องแจ้งกับทาง BOI หรือหน่วยงานใดบ้าง

กรณีที่บริษัท A (BOI) รับจ้างผลิตสินค้า โดยเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับที่ได้รับส่งเสริม และมีขั้นตอนการผลิตครบตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม ในส่วนของ BOI จะถือว่า การรับจ้างดังกล่าว เป็นการผลิตตามโครงการที่ได้รับการส่งเสริม บริษัท A จึงไม่ต้องแจ้ง BOI หรือขออนุญาตใดๆ เพิ่มเติมจาก BOI

สำหรับการหักภาษี ณ ที่จ่าย จากการจ้างทำของ บริษัท A สามารถขอให้ BOI ออกหนังสือรับรองว่า การรับจ้างผลิตดังกล่าว เป็นการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม และรายได้จากการรับจ้างผลิตดังกล่าว อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 31 เพื่อนำไปใช้รับรองกับผู้ว่าจ้างและกรมสรรพากรว่า ค่าจ้างทำของดังกล่าว ไม่อยู่ในข่ายต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย

สำหรับการขออนุญาตตาม พรบ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กรณีที่บริษัท A มีต่างชาติถือหุ้นข้างมาก หากการรับจ้างดังกล่าว เข้าข่ายการบริการ บริษัท A สามารถขอให้ BOI ออกหนังสือรับรองว่า การรับจ้างผลิตดังกล่าว เป็นการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม เพื่อนำไปใช้ประกอบการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจต่างด้าว จากสำนักบริหารการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กระทรวงพาณิชย์ ต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ติดต่อสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย

การขอขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว เหตุผลส่วนใหญ่ในการนำเสนอให้กับทาง BOI ต้องด้วยเหตุผลอะไรบ้างถ้าแจ้งว่า test run เครื่องจักรอย่างเดียวไม่ได้ใช่ไหม คือตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเปิดดำเนินการ แต่จะระบุเหตุผลที่สมควรอย่างไรดี (กรกฎาคม 2564)
เหตุผลในการขอขยายเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว เช่น ยังนำเครื่องจักรเข้ามายังไม่ครบขั้นตอนการผลิต หรือไม่ครบตามกำลังผลิต ที่ได้รับส่งเสริม แต่หากนำเครื่องจักรเข้ามาครบแล้ว แต่อยู่ระหว่าง test run ก็อยู่ในข่ายที่จะได้รับการขยายเวลาเปิดดำเนินการ แต่อาจเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ตามความจำเป็น หรือกรณีที่มีปัญหาด้านบุคลากรทั้งในส่วนของออฟฟิศหรือโรงงาน ก็เป็นเหตุผลที่สามารถขอขยายเวลาได้ แต่อาจเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ตามความเหมาะสม
ทางบริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนกับสำนักงาน BOI และได้เป็นสมาชิกกับสมาคม IC ขอสอบถามเรื่องการทำใบขน V เนื่องจากมีบริษัทที่จะซื้อสินค้าจากบริษัทฯ และบริษัทที่จะซื้อสินค้าจากเราก็ได้สิทธิ BOI ด้วย ทางบริษัทที่ซื้อของจากเราจะต้องทำใบขน V มาให้ เนื่องจากไม่เคยทำใบขน V เลย จะสอบถามว่าใบขน V หลักการทำทำอย่างไร

บริษัท A (BOI) นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้า X และขายให้บริษัท B จากนั้นบริษัท B (BOI) นำ X ไปประกอบกับ Y เป็นสินค้า Z และส่งออก ดังนั้น เมื่อบริษัท B นำใบขนขาออกของสินค้า Z มาตัดบัญชี ก็จะได้สิทธิการตัดบัญชี X และ Y ตามปริมาณที่คำนวณได้จากสูตรการผลิตที่ได้รับอนุมัติจาก BOI

หากY เป็นวัตถุดิบที่บริษัท B นำเข้ามาเอง บริษัท B ก็จะตัดบัญชี Y จาก Max Stock ของตนเอง แต่ X เป็นสินค้าที่บริษัท B ซื้อมาจากบริษัท A ดังนั้น บริษัท B จึงจะไม่ตัดบัญชี X จาก Max Stock ของตนเอง แต่จะโอนสิทธิตัดบัญชี X ไปให้กับบริษัท A

วิธีการโอนสิทธิตัดบัญชี คือ เมื่อบริษัท B ยื่นไฟล์ตัดบัญชี คือ ไฟล์ BIRTEXL และ BIRTEXP บริษัท B จะต้องยื่นไฟล์ BIRTVEN เพิ่มเติมไปด้วย โดยในไฟล์ BIRTVEN จะต้องระบุ ชื่อผู้รับโอน / เลขนิติบุคคลของผู้รับโอน / รายการและปริมาณที่ต้องการโอน ด้วย ซึ่งเมื่อสมาคม IC ทำการตัดบัญชีให้กับบริษัท B ก็จะออก report-v ให้ตามที่ระบุในไฟล์ ฺBIRTVEN จากนั้น บริษัท B ก็จะส่ง report-v ดังกล่าวให้กับบริษัท A เพื่อนำไปตัดบัญชีต่อไป

นำเข้าเครื่องจักร, แม่พิมพ์, อะไหล่ โดยใช้สิทธิ์ BOI เข้ามาในวันที่ 14/02/2558 (เมื่อครบ 5 ปี จะต้องตัดบัญชีในปี พ.ศ.2563) และได้มีการส่งออกซ่อมที่ต่างประเทศ ในวันที่ 29/01/2559 และนำเข้ามาอีกครั้ง ในวันที่ 16/03/2560 ไม่ทราบว่าจะต้องทำการตัดบัญชีของเครื่องจักร, แม่พิมพ์, อะไหล่ที่กล่าวมาข้างต้น นับตั้งแต่วันนำเข้าครั้งแรก หรือ นับตั้งแต่วันนำเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้ว

อายุเครื่องจักร/แม่พิมพ์ นับจากวันที่นำเข้าครั้งแรกของเครื่องจักร/แม่พิมพ์นั้น ๆ

กิจการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ การตัดบัญชีเครื่องจักรเพื่อปลอดภาระภาษี หลังครบ 5 ปี คำถาม 1. ในส่วนของ Spare Part ประเภท ใบมีดใช้สำหรับตัดสายไฟ เมื่อครบ 5 ปี จะต้องตัดบัญชีด้วยใช่หรือไม่ 2. หากตัดบัญชีได้แล้ว แล้วสามารถนำไปทิ้งได้เลยหรือไม่

1. เครื่องจักร เครื่องมือ ที่มีลักษณะใช้งานสิ้นเปลือง เช่น ใบมีด ดอกสว่าน ฯลฯ สามารถยื่นขอทำลายได้โดยไม่มีภาระภาษี โดยไม่ต้องเก็บให้ครบ 5 ปี

2. เครื่องจักร เครื่องมือ ทุกรายการ ที่นำเข้าเกิน 5 ปี สามารถยื่นขอตัดบัญชีเพื่อปลดภาระภาษีได้ แต่ยังจะต้องใช้ในโครงการต่อไป

3. กรณีที่นำเข้าเกิน 5 ปี และไม่ต้องการใช้ในโครงการต่อไป สามารถยื่นขอจำหน่ายโดยไม่มีภาระภาษี และเมื่อจำหน่ายหรือกำจัดแล้ว จะต้องยื่นตัดบัญชี เพื่อลดยอดจำนวนที่นำเข้าโดยใช้สิทธิต่อไป

ใบขนสินค้าขาออกไม่ได้ระบุ Model และ Part No. ระบุแต่ชื่อของสินค้าเท่านั้น สามารถนำใบขนไปตัดบัญชีไหม และต้องเตรียมเอกสารอะไรแนบชุดที่จะตัดบัญชี

กรณีใบขนสินค้าขาออก ไม่ได้ระบุโมเดล จะต้องแนบสำเนาอินวอยซ์ที่ระบุโมเดล (กรรมการลงนามรับรองสำเนา) เพื่อให้ IC / BOI พิจารณา หาก BOI พิจารณาอนุมัติให้ตัดบัญชีได้ IC ก็จะดำเนินการตัดบัญชีให้ต่อไป แต่หากในใบขนสินค้าขาออกและในอินวอยซ์ ไม่ระบุโมเดล จะไม่สามารถตัดบัญชีได้

บริษัทได้รับการโอนกิจการจากบริษัทอื่น และได้รับบัตรส่งเสริมวันที่ 23 มีนาคม 2564 โดยในสถานภาพขึ้นว่าเปิดดำเนินการแล้ว ทางบริษัทต้องทำเรื่องเปิดดำเนินการหรือไม่ และต้องรายงานความคืบหน้าปีละ 2 ครั้งหรือไม่ ถ้าต้องทำ เราดูจากระบบ ไม่มีปุ่มให้คลิกกรอกรายละเอียดการรายงาน รบกวนขอคำแนะนำด้วย (กรกฎาคม 2564)
การรับโอนกิจการ หากโครงการที่ได้รับโอนมาได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว
1. ผู้รับโอน ไม่ต้องยื่นขออนุญาตเปิดดำเนินการต่อ BOI อีก โดยในบัตรส่งเสริมของผู้รับโอนจะไม่ระบุเงื่อนไขวันครบกำหนดที่ต้องเปิดดำเนินการ เนื่องจากเป็นโครงการที่ได้ตรวจสอบการเปิดดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว
2. การรายงานความคืบหน้าปีละ 2 ครั้ง เป็นเงื่อนไขต้องปฏิบัติจนกว่าจะได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการ ดังนั้น กรณีนี้ก็ไม่ต้องยื่นรายงานความคืบหน้าเช่นเดียวกัน
ในกรณีของวัตถุดิบ จะเสียภาษีเฉพาะยอดคงเหลือใช่ไหม สำหรับวัตถุดิบที่ทำการตัดบัญชีไปแล้วไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลัง ณ วันนำเข้าใช่หรือไม่

1. กรณีที่บริษัทมั่นใจว่าไม่สามารถลงทุนให้ครบเงื่อนไข 1 ล้านบาทได้ บริษัทควรยื่นเรื่องขอชำระภาษีเครื่องจักรและวัตถุดิบต่อ BOI เพื่อให้ BOI มีหนังสือแจ้งให้เรียกเก็บภาษีอากรไปยังกรมศุลกากร

2. และเมื่อบริษัทไปชำระภาษีกับกรมศุลกากร และตัดบัญชีเครื่องจักรและวัตถุดิบเป็น 0 แล้ว บริษัทจึงยื่นเรื่องขอยกเลิกโครงการต่อ BOI ซึ่ง BOI จะพิจารณาเพิกถอนบัตร โดยไม่มีภาระภาษี (เพราะบริษัทได้ไปชำระภาษีเรียบร้อยหมดแล้ว)

วัตถุดิบที่ตัดบัญชีไปแล้ว ได้มีการพิสูจน์ว่ามีการส่งออกไปแล้ว จึงไม่มีภาระภาษีย้อนหลัง

บริษัทมีโครงการ BOI ที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และโครงการที่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่มีรายจ่ายของกิจการดังกล่าวเกิดขึ้น เช่นรายจ่ายค่าเช่าโรงงาน ,รายจ่ายค่าไฟฟ้า,ค่าน้ำ,ค่าจ้างยาม หรือรายจ่ายอื่น ๆ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่กิจการที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะมีรายได้ คำถาม : ค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อนที่กิจการที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะมีรายได้ สามารถนำปันส่วนคิดคำนวณเป็นรายจ่ายของกิจการที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้หรือไม่ หรือจะต้องถือเป็นรายจ่ายของกิจการที่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล

กรณีที่บริษัทมีการลงทุนเพียง 1 โครงการ โดยเป็นโครงการที่ได้รับส่งเสริม ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนวันมีรายได้ ย่อมถือเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าก่อนวันมีรายได้ของโครงการที่ 1 ได้ แต่กรณีที่บริษัทมีการลงทุน 2 โครงการ โดยโครงการแรกไม่ได้รับส่งเสริม และต่อมามีการลงทุนโครงการที่ 2 โดยได้รับส่งเสริม ค่าใช้จ่ายของโครงการที่ 2 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันมีรายได้ครั้งแรกของโครงการที่ 2 ก็ย่อมถือเป็นค่าใช้จ่ายของโครงการที่ 2 ได้เช่นกัน เพียงแต่จะต้องแยกบัญชีค่าใช้จ่ายโดยชัดเจน โดยค่าใช้จ่ายบางรายการที่เป็นค่าใช้จ่ายรวม เช่น ค่าน้ำค่าไฟ หรือเงินเดือนผู้บริหาร สามารถใช้วิธีปันส่วนตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ แต่ค่าใช้จ่ายบางรายการซึ่งแยกไม่ได้ และไม่มีเกณฑ์ปันส่วนที่เหมาะสม หากเกิดขึ้นก่อนวันมีรายได้โครงการที่ 2 จะมีรายได้ ก็อาจต้องลงบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายของโครงการที่ 1

กรณีใช้สิทธิช่างฝีมือ ต้องยกเลิกการใช้สิทธิช่างฝีมือ หลังจากที่ได้รับอนุมัติการยกเลิกบัตรส่งเสริมภายในกี่วัน(2 ก.ค. 2563)

กรณียื่นขอยกเลิกบัตรส่งเสริม ปกติบริษัทควรดำเนินการแจ้งพ้นตำแหน่งช่างฝีมือ และเปลี่ยนวีซ่าทำงาน (กรณียังอยู่ปฏิบัติงานในประเทศต่อ) ให้เสร็จสิ้นก่อน

แต่หากบริษัทไม่ได้แจ้งพ้นตำแหน่งช่างฝีมือ BOI จะมีหนังสือแจ้งให้บริษัทดำเนินการยกเลิกการใช้สิทธิช่างฝีมือ ภายใน 15 วัน หลังได้รับหนังสือแจ้ง

เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และ โครงการที่ไม่ได้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล วิธีการเฉลี่ยรายจ่าย สามารถใช้หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ได้ หรือไม่ 1. กรณีที่เป็นรายจ่ายส่วนของฝ่ายขายและบริหาร ใช้หลักเกณฑ์ เฉลี่ยรายจ่ายตามส่วนของรายได้ ของแต่ละโครงการ ที่ประมาณการไว้ตอนต้นปีได้หรือไม่ หรืออ้างอิงจากตัวเลขที่ใช้อ้างอิงในแบบคำขอรับการส่งเสริม ได้หรือไม่ ? 2. กรณีที่เป็นค่าเช่าโรงงานใช้แบ่งตามพื้นที่การใช้งาน มีหลักเกณฑ์การแบ่งพื้นที่การใช้งานได้หรือไม่

BOI ไม่ได้เป็นผู้ที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการปันส่วนค่าใช้จ่าย บริษัทมีหน้าที่ต้องปันส่วนรายจ่ายให้เป็นไปตามมาตรฐานทางบัญชี เรื่องนี้ปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงด้านบัญชีดีกว่า ตามมาตรฐานการทำบัญชี บริษัทจะต้องปันส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถแยกได้ ตามเกณฑ์ที่เหมาะสม

แต่ก็ไม่ได้ถึงกับกำหนดว่า ค่าใช้จ่ายทุกประเภทต้องปันส่วนด้วยเกณฑ์เดียวกัน ดังนั้น หากเห็นว่าเงินเดือนผู้บริหารจะปันส่วนตามรายได้ของแต่ละโครงการ ส่วนค่าเช่าอาคารจะปันส่วนตามสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยของแต่ละโครงการ ก็น่าจะทำได้

ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ผู้สอบบัญชี และสรรพากร

กรณียกเลิกโครงการ ITC แต่ทางบริษัทได้ดำเนินการขอประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเรียบร้อยแล้ว ในกรณีทางบริษัทสามารถดำเนินการธุรกิจ Trading ตอไปได้หรือไม่อย่างไร

คาดว่าบริษัทไม่ได้ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แต่ขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามขอบเขตกิจการที่ได้รับการส่งเสริม ดังนั้น หากเป็นกรณีหลัง (หนังสือรับรอง) เมื่อ BOI ยกเลิกบัตรส่งเสริม บริษัทก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจตามหนังสือรับรองฯ ฉบับนั้นได้อีกต่อไป

กรณีขอยื่นบรรจุตำแหน่ง PERSONAL HISTORY ไม่มี แต่มีหนังสือ Retirement Certificate มากกว่า 2 บริษัท แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น สามารถใช้ยื่นเข้าระบบได้ไหม – ถ้าไม่ได้ต้องแปลเป็นไทยหรืออังกฤษให้สถาบันที่ไทยรับรองการแปลได้ใช่ไหม - ส่วน Retirement certification ระบุแต่ช่วงเวลาในการทำงานอย่างนี้ใช้ได้ไหม (กรกฎาคม 2564)
เอกสารประวัติการทำงาน เพื่อยื่นขอบรรจุช่างฝีมือ มีข้อกำหนดดังนี้
1. ต้องเป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัทนายจ้างที่ช่างฝีมือปฏิบัติงานอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เท่านั้น (บริษัทที่จะรับบรรจุช่างฝีมือ จะออกเอกสารรับรองแทนบริษัทนายจ้างเก่าไม่ได้)

2. ต้องมีข้อมูลดังนี้
- ชื่อบริษัทนายจ้าง ที่ตั้ง ข้อมูลในการติดต่อ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์
- ชื่อและตำแหน่งของผู้ลงนามในเอกสาร และตราประทับ (ถ้ากฎหมายประเทศนั้นๆ กำหนดให้ต้องมี)
- ชื่อและนามสกุลช่างฝีมือ
- ตำแหน่ง แผนก/กอง เดือน/ปี ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดในการปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้น

3. กรณีช่างฝีมือเคยปฏิบัติงานในหลายบริษัท สามารถยื่นหนังสือรับรองของหลายบริษัทได้

4. ระยะเวลาการปฏิบัติงานที่ตรงกับตำแหน่งที่จะขอบรรจุ ต้องรวมไม่ต่ำกว่าเงื่อนไขของตำแหน่งนั้นๆ (เช่น 2 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น)

5. กรณีหนังสือรับรองไม่ใช่ภาษาไทยหรืออังกฤษ ต้องให้สถาบันการแปลเอกสาร แปลเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษ พร้อมกับลงนามประทับตรารับรองการแปลเอกสาร โดยในการยื่นต่อ BOI ให้ยื่นทั้งเอกสารภาษาต้นฉบับและเอกสารแปล
บริษัทคำนวณกำลังการผลิตเพื่อขอเปิดดำเนินการ โดย กำลังการผลิตที่ขอรับการส่งเสริม = 800,000 เครื่อง/ปี กำลังการผลิตที่ขอเปิดดำเนินการ = 680,000 เครื่อง/ปี กรณีนี้จะเกิดปัญหาตอนการเปิดดำเนินการกับ BOI หรือไม่

หากกำลังผลิตที่ BOI ตรวจสอบ ณ วันเปิดดำเนินการ มากกว่าหรือน้อยกว่าไม่เกิน 20% ของกำลังผลิตตามบัตรส่งเสริม ถือว่ามีกำลังการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม

กรณีที่สอบถาม หากมีกำลังผลิตจริง 680,000 เครื่อง จากกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม 800,000 เครื่อง ถือว่าเป็นไปตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม


Q11.1:

ในกรณีที่กำลังการผลิตน้อยกว่า 20% หมายความว่าผิดเงื่อนไขและไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ใช่หรือไม่

A11.1:

หากในการตรวจสอบเปิดดำเนินการพบกว่ากำลังผลิตที่มีอยู่จริงต่ำกว่า 80% ของกำลังผลิตที่ระบุในบัตรส่งเสริม จะแก้ไขกำลังผลิตในบัตรส่งเสริมให้เหลือเท่าที่ตรวจสอบได้จริง และเปิดดำเนินการให้ตามกำลังผลิตนั้น


Q11.2:

ในกรณีที่เปิดดำเนินการตามการผลิตจริง จะส่งผลกระทบต่อ MAX STOCK หรือไม่ ทางบริษัทต้องไปดำเนินการลด MAX STOCK ด้วยหรือไม่

A11.2:

Max Stock จะได้รับอนุมัติเป็นปริมาณเท่ากับกำลังผลิต 4 เดือนของกำลังผลิตที่ได้รับส่งเสริม ดังนั้นเมื่อมีการปรับลดกำลังผลิตในขั้นตอนเปิดดำเนินการและแก้ไขบัตรส่งเสริม ก็จะต้องดำเนินการแก้ไขเพื่อปรับลด Max Stock ลงด้วยเช่นกัน


การรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริม รายได้ที่ได้รับนำมาคำนวณการได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่ และถือว่าเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขใดๆ ของการส่งเสริมบีโอไอหรือไม่ (เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทของคนต่างด้าว)

กิจการที่ได้รับส่งเสริม จะมีการกำหนดเงื่อนไขชนิดผลิตภัณฑ์ กำลังผลิต และกรรมวิธีการผลิต ไว้ในบัตรส่งเสริม แต่ไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อวัตถุดิบมาผลิตเอง ดังนั้น จึงจะรับจ้างผลิตก็ได้ โดยไม่เป็นการขัดกับเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม แต่ในการรับจ้างผลิต จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริม และมีขั้นตอนครบถ้วนตามที่ได้รับส่งเสริม โดยรายได้จากการรับจ้างผลิตนี้ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เช่นเดียวกับการผลิตจำหน่ายตามปกติ

กรณีผู้ได้รับส่งเสริมเป็นบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นข้างมาก หากจะมีการรับจ้างผลิต ซึ่งเข้าข่ายการให้บริการ จะต้องดำเนินการให้ได้รับอนุญาตจากสำนักบริหารการประกอบธุรกิจต่างด้าว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย

การชักสินค้าตัวอย่างของกรมประมง, อย. และกรมศุล ในขั้นตอนการตรวจปล่อยสามารถนำมาตัดบัญชีได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องใช้เอกสารประกอบอะไรบ้าง สินค้านำเข้าประเภทหมึก,กุ้งแช่แข็ง

หากผู้ได้รับส่งเสริมมีเศษซากให้ BOI ตรวจสอบชนิดและปริมาณตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็สามารถตัดบัญชีในข่ายส่วนสูญเสียนอกสูตรได้

เครื่องจักร เครื่องมือ ที่มีลักษณะใช้งานสิ้นเปลือง เช่น ใบมีด ดอกสว่าน ฯลฯ สามารถยื่นขอทำลายได้โดยไม่มีภาระภาษี โดยไม่ต้องเก็บให้ครบ 5 ปี คำถาม ขออนุมัติทำลายยื่นในระบบ emt กรณีขอทำลายสามารถทำได้โดยวิธีใดบ้าง เช่น ใบมีด และต้องให้บริษัท Inspector ตรวจสอบรับรองการทำลายด้วยหรือไม่

1. การขอทำลายเครื่องจักร เครื่องมือ ที่ชำรุดเสียหาย ให้ยื่นคำร้องในระบบ eMT

2. วิธีทำลาย เช่น การทุบ บด อัด ให้เสียสภาพ เป็นต้น

3. ต้องให้ บ.Inspector ที่ได้รับอนุญาตจาก BOI ตรวจสอบการทำลายและออกหนังสือรับรอง ตาม ประกาศ สกท ที่ ป.3/2555

อะไหล่ ลักษณะใช้งานสิ้นเปลือง เช่น ใบมีด ดอกสว่าน ฯลฯ ก็ต้องให้ บ.Inspector ที่ได้รับอนุญาตจาก BOI ตรวจสอบ ด้วยหรอ

หากยังไม่ปลอดภาระภาษี (นำเข้ายังไม่ครบ 5 ปี) แต่ต้องการตัดบัญชีโดยไม่มีภาระภาษี ก็ต้องปฏิบัติตามประกาศ ป.3/2555

ถ้าไม่มีหน่วยงานใดเก็บเศษซากไว้เลย แต่มีบางหน่วยงานสามารถออกเอกสารการชักตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพให้ได้สามารถนำไปแสดงเป็นหลักฐานเพื่อตัดบัญชีได้หรือไม่

การตัดบัญชีส่วนสูญเสียโดยไม่มีภาระภาษี จะต้องดำเนินการตาม ประกาศ ที่ ป.5/2543 โดยจะต้องมีวัตถุดิบที่เป็นส่วนสูญเสียอยู่จริง และต้องทำลายตามวิธีที่ได้รับอนุญาตจาก BOI โดยมี inspector ร่วมตรวจสอบรับรองการทำลาย จึงจะครบตามเงื่อนไขของประกาศ การให้หน่วยงานอื่นที่ชักตัวอย่าง ออกหนังสือรับรอง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ จึงไม่น่าจะนำมาใช้ตัดบัญชีได้ แต่บริษัทอาจทำหนังสือสอบถามไปยัง BOI เพื่อขอทราบคำตอบที่เป็นทางการก็ได้

การขออนุมัติตำแหน่งช่างฝีมือ (11 พ.ย. 2564)
กรณีบริษัทต้องการนำช่างผู้ชำนาญการเข้ามาเพื่อติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ ระยะเวลาประมาณ 1 ปี บริษัทจะต้องเตรียมข้อมูลหรือใช้เอกสารอะไรบ้าง
A1:
การขออนุญาตนำเข้าช่างต่างชาติเพื่อปฏิบัติงานในประเทศไทยเป็นเวลาเกินกว่า 6 เดือน จะต้องยื่นขออนุมัติตำแหน่งก่อน และเมื่อได้รับอนุมัติตำแหน่งแล้วจึงขออนุมัติบรรจุช่างฝีมือ ข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการขออนุมัติตำแหน่ง เช่น
  • Organization Chart ซึ่งรวมตำแหน่งที่ขออนุมัติเพิ่มเติม
  • รายชื่อลูกค้าและผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย
  • รายได้จากการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ
  • จำนวนพนักงานไทย
  • เหตุผลความจำเป็นในการขออนุมัติตำแหน่ง
  • แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยี
  • สำเนาหนังสือรับรอง
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
  • สำเนางบการเงินปีล่าสุดที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้ว

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map