ขอบข่ายธุรกิจในประเภทกิจการ IBC มีรายละเอียดดังนี้
1.1 การบริหารงานทั่วไป การวางแผนทางธุรกิจ และ การประสานงานทางธุรกิจ
1.2 การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วน
1.3 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
1.4 การสนับสนุนด้านเทคนิค
1.5 การส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย
1.6 การบริหารด้านงานบุคคลและการฝึกอบรม
1.7 การให้คำปรึกษาด้านการเงิน
1.8 การวิเคราะห์และวิจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
1.9 การจัดการและควบคุมสินเชื่อ
1.10 การให้บริการด้านการบริหารเงินของศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center)
1.11 กิจการการค้าระหว่างประเทศ
1.12 การให้กู้ยืมเงินแก่วิสาหกิจในเครือในลักษณะที่ไม่เข้าข่ายการประกอบธุรกิจในข้อ 1.10 และ สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เช่น
- การให้กู้ยืมเงินสกุลเงินตราต่างประเทศแก่วิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ
- การให้กู้ยืมเงินบาทแก่วิสาหกิจในเครือในประเทศไทย
- การให้กู้ยืมเงินบาทแก่วิสาหกิจในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และประเทศที่ มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย โดยกิจการที่กู้ยืมเงินจะต้องนำไปใช้เพื่อการค้าหรือการลงทุนในประเทศไทยหรือประเทศดังกล่าวเท่านั้น
1.13 การให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ
ตัวอย่างรายละเอียดกิจกรรมแต่ละขอบข่ายธุรกิจ โปรดดู: International Business Center (IBC).pdfเนื่องจากปัจจุบันกิจการ International Trading Center (ITC) ได้ยกเลิกการให้ส่งเสริมไปแล้ว ในส่วนของกิจการ IBC เปรียบเหมือนการปรับการให้ส่งเสริมกิจการ International Headquarters (IHQ) เป็นกิจการ IBC จึงมีเงื่อนไขบังคับว่าต้องมีแผนการดำเนินการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ และให้ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศได้ หากมีการดำเนินธุรกิจ IBC เพื่อให้บริการแก่บริษัทในเครือ (IHQ) ตามที่กำหนดเป็นหลัก
หากจะขยายกิจการทำธุรกิจในกิจการการค้าระหว่างประเทศโดยนำเข้าสินค้ากึ่งสำเร็จรูปมาจำหน่ายในไทยให้ขออนุญาตกองประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนชำระเต็มมูลค่าหุ้นหนึ่งร้อยล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจค้าส่ง หากต้องการดำเนินธุรกิจค้าปลีกจะต้องขออนุญาตกองประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ หรือเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระเต็มมูลค่าหุ้นอีกหนึ่งร้อยล้านบาท
ให้ขออนุญาตการดำเนินธุรกิจ TC (Treasury Center) กับธนาคารแห่งประเทศไทย จากนั้นให้ยื่นขอรับ ส่งเสริมการลงทุนในกิจการ IBC สำหรับขอบข่าย “TC (Treasury Center)” หากต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ยื่นขออนุมัติเป็น IBC กับกรมสรรพากร
“วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลาง ธุรกิจระหว่างประเทศ ในลักษณะดังนี้
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งทางตรงหรือทาง อ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทาง ตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการ บริหารงานของศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
(5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
(6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
กิจการการค้าระหว่างประเทศภายใต้ประเภทกิจการ 7.34 IBC ปัจจุบัน มีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับแตกต่างจากประเภท 7.6 ITC เดิม โดยมีเงื่อนไขเฉพาะประเภทกิจการดังนี้
1.ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท (เหมือนเดิม)
2.ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับ IBC ไม่น้อยกว่า 10 คน เว้นแต่กรณี IBC ที่มีเฉพาะการให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะไม่น้อยกว่า 5 คน
3.กรณีเป็นการดำเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ จะต้องมีขอบข่ายธุรกิจในข้อ 1.1 – 1.10 ร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ข้อ
4.ไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (มาตรา 28) และไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นสำหรับส่วนที่ผลิตเพื่อการส่งออก (มาตรา 36)
เงื่อนไขในการยื่นขอและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเปลี่ยนไป ทั้งด้านการจ้างงานบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ด้านขอบข่ายการบริการที่ต้องมีการให้บริการวิสาหกิจในเครือด้วยที่เพิ่มขึ้น และด้านสิทธิประโยชน์ด้านการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (ม.28) ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ (ม.36) ที่ถูกยกเลิกไป
BOI มีแนวทางการพิจารณาว่าหากกิจการต้องการจะดำเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้ประเภทกิจการ 7.34 IBC จะต้องมีการดำเนินการในขอบข่ายธุรกิจในข้อ 1.1 – 1.10 ของประเภทกิจการ IBC ด้วยอย่างมีนัยสำคัญ
การให้บริการวิสาหกิจในเครือในประเภท 7.34 IBC ตามขอบข่ายที่ 1.1 – 1.10 จะต้องให้บริการวิสาหกิจในเครือที่อยู่ต่างประเทศอย่างน้อย 1 ประเทศ และจะให้บริการวิสาหกิจในเครือในประเทศด้วยก็ได้
ในเบื้องต้นจะดูจากวุฒิการศึกษา และตำแหน่งงานรวมถึงลักษณะงานที่ทำในโครงการ IBC และจะตรวจสอบทุกครั้งที่มีการใช้สิทธิประโยชน์
กิจการ IBC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้วิจัยและพัฒนาและฝึกอบรม โดยไม่ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ
สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ได้ตามลิงค์: https://www.boi.go.th/index.php?page=form_app1
เปลี่ยนได้โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ IBC
ควรยื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการ IBC เพิ่มเติม เนื่องจากกรณีเปลี่ยนประเภทกิจการจาก ITC เป็นกิจการ IBC จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร (ม.28) และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบเพื่อการส่งออก (ม.36)
กรมสรรพากรยุติการอนุมัติให้เป็น IHQ หรือ ITC และประกาศให้ส่งเสริมกิจการ IBC ซึ่งมีเงื่อนไขเข้มงวดมากขี้น หากต้องการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับกรมสรรพากร จะต้องเปลี่ยนมาขอรับการส่งเสริม IBC แทน
ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท หากยังคงเป็นกิจการ IHQ สามารถใช้สิทธิและโยชน์ทางด้านภาษีในปัจจุบันต่อไปถึงระยะเวลาที่กำหนด (15 รอบปีบัญชี)
ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท หากประสงค์จะขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ยื่นขออนุมัติเป็น IBC กับกรมสรรพากรโดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ IBC
ไม่เปลี่ยนแปลง
สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการ IBC สำหรับการขยายธุรกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้อง จัดตั้งบริษัทใหม่
ที่มา: ได้ยกเลิกการให้ส่งเสริมการลงทุนกิจการ International Headquarters (IHQ), International Trading Center (ITC) โดยกิจการ IBC เปรียบเหมือนการปรับการให้ส่งเสริมในกิจการ International Headquarters (IHQ) มาเป็นกิจการ IBC จึงมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีแผนการดำเนินการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ และส่งเสริมให้ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเท ได้ หากมีการดำเนินธุรกิจให้บริการแก่บริษัทในเครือ (IHQ) เป็นหลัก
(1) เงื่อนไข:
- ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับ IBC ไม่น้อยกว่า 10 คน เว้นแต่กรณี IBC ที่มีเฉพาะการให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ ต้องมีการจ้างพนักงานประจำที่มีความรู้และทักษะไม่น้อยกว่า 5 คน
- กรณีเป็นการดำเนินกิจการการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้ประเภทกิจการ 7.34 IBC จะต้องมีขอบข่ายธุรกิจในข้อ 1.1 – 1.10 ของกิจการ IBC ร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ข้อ
(2) สิทธิประโยชน์: ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบของ BOI ได้ แต่สามารถขอคืนภาษีนำเข้ากับกรมศุลกากรได้
หากการได้รับการส่งเสริมการลงทุนในประเภทกิจการ “IHQ และ ITC” ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจของโครงการ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาขอรับการส่งเสริมการลงทุน “IBC” แต่หากประสงค์จะเปลี่ยนเป็นกิจการ IBC จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกิจการ IBC
Commercial Distribution แบบ Out-Out ดังกล่าวอยู่ในขอบข่ายกิจการ ITC ที่บริษัทได้รับการ ส่งเสริมอยู่ ปัจจุบันหลังจากที่กระทรวงการคลังปรับนโยบายเป็นให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการ IBC และยุติ การอนุมัติให้เป็น IHQ หรือ ITC รายได้ดังกล่าวไม่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง จึงต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ