เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นางสาวศุธาศินี สมิตร ที่ปรึกษาด้านการลงทุน เข้าร่วมการประชุมกลไกการหารือไทย-ญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy and Industry Dialogue: EID) ครั้งที่ 1 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และนายมูโต โยจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) เป็นประธานร่วมฝ่ายญี่ปุ่น ภายใต้กรอบของกลไก EID ใน 3 หัวข้อ ได้แก่ 1) การส่งเสริมแนวทางที่หลากหลาย” (Promotion of Multi-Pathways) 2) การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Promotion of Circular Economy) และ 3) การรักษาและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและทรัพยากรบุคคลให้สามารถแข่งขันได้ (Maintaining and Developing a Competitive Supply Chains and Human Resources (Including Support for SMEs)) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ พลังงานสะอาด และยานยนต์แห่งอนาคต อันเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสู่สังคมคาร์บอนต่ำของทั้งสองประเทศ

ภายหลังจากการประชุม ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างหน่วยงานภาคเอกชนของญี่ปุ่นกับหน่วยงานของไทย จำนวน 9 ฉบับ และกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สําหรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง นายมูโต โยจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) และนายเอกนัฏ พร้อมพันธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกล่าวเปิดงาน

โอกาสนี้ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน เป็นผู้แทนบีโอไอได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ ยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ร่วมกับผู้แทนจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ในรถยนต์ (JAPIA) ผู้แทนจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) ผู้แทนบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) และผู้แทนบริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด โดยได้แสดงวิสัยทัศน์การส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เซมิคอนดักเตอร์ และ AI พร้อมทั้งนำเสนอมาตรการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม เช่น การให้สิทธิประโยชน์สำหรับกิจการสถานฝึกฝนวิชาชีพ มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การดึงดูดบุคลากรต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ผ่านวีซ่า LTR รวมทั้งยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและญี่ปุ่น ในการพัฒนากำลังคนเพื่อเสริมสร้างบุคลากรที่พร้อมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของประเทศไทยในระยะยาว