ลิขสิทธิ์©
2. ลิขสิทธิ์©
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2547 คุ้มครองงานวรรณกรรม ศิลปกรรม และนาฏกรรม โดยกำหนดให้การทำซ้ำหรือเผยแพร่งานดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
2.1 งานอันมีลิขสิทธิ์
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คุ้มครองงานงานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยห้ามทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน และให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าว แต่อัลกอริธึมไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์
พระราชบัญญัติกำหนดนิยามของคำว่า "ลิขสิทธิ์" หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใดๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น และ "ผู้สร้างสรรค์" หมายถึง ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
ให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ในกรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรืออยู่ในประเทศไทย หรือเป็นผู้มีสัญชาติหรืออยู่ในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วยตลอดระยะเวลาหรือเป็นส่วนใหญ่ในการสร้างสรรค์งานนั้น
- ในกรณีที่ได้มีการโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนั้นในครั้งแรกต้องกระทำขึ้นในประเทศไทยหรือในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย หรือในกรณีที่การโฆษณาครั้งแรกได้กระทำนอกประเทศไทยหรือในประเทศอื่นที่ไม่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย ต้องมีการโฆษณางานดังกล่าวในประเทศไทยหรือในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้มีการโฆษณาครั้งแรก หรือผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีลักษณะตามที่กำหนดไว้ข้างต้นในขณะที่มีการโฆษณางานครั้งแรก
ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ถ้าผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล นิติบุคคลนั้นต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย
2.2 การละเมิดลิขสิทธิ์
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ระบุการกระทำที่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ครอบคลุมตามกฎหมาย ดังนี้:
การละเมิดโดยการทำซ้ำ -- พระราชบัญญัติกำหนดคำนิยามของ "ทำซ้ำ" หมายถึง “คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการโฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากสื่อบันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน”
การละเมิดโดยการดัดแปลง -- พระราชบัญญัติกำหนดคำนิยามของ "ดัดแปลง" หมายถึง การทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติม หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่
- ในส่วนที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ให้หมายความรวมถึง การแปลวรรณกรรม การเปลี่ยนรูปวรรณกรรม หรือการรวบรวมวรรณกรรมโดยคัดเลือกและจัดลำดับใหม่
- ในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้หมายความรวมถึง การทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุง การแก้ไขเพิ่มเติมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำขึ้นใหม่
- With regard to dramatic work it shall include the transformation of a non-dramatic work into a dramatic work or dramatic work to a non-dramatic work, whether in the original language or in another language
- ในส่วนที่เกี่ยวกับนาฏกรรม ให้หมายความรวมถึง การเปลี่ยนงานที่มิใช่นาฏกรรมให้เป็นนาฏกรรม หรือการเปลี่ยนนาฏกรรมให้เป็นงานที่มิใช่นาฏกรรม ทั้งนี้ ไม่ว่าในภาษาเดิมหรือต่างภาษากัน
- ในส่วนที่เกี่ยวกับศิลปกรรม ให้หมายความรวมถึง การเปลี่ยนงานที่เป็นรูปสองมิติหรือสามมิติ ให้เป็นรูปสามมิติหรือสองมิติ หรือการทำหุ่นจำลองจากงานต้นฉบับ
- ในส่วนที่เกี่ยวกับดนตรีกรรม ให้หมายความรวมถึง การจัดลำดับเรียบเรียงเสียงประสาน หรือเปลี่ยนคำร้องหรือทำนองใหม่
การละเมิดโดยการเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยมิได้รับอนุญาต -- "เผยแพร่ต่อสาธารณชน" หมายถึง “ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น” คำว่า“สาธารณชน” หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อยู่หรือไม่อยู่ในสถานที่ซึ่งมีการแสดง การแสดงจะไม่ถือว่าแสดงต่อสาธารณชนหากจำกัดอยู่ภายในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของผู้แสดง หรือผู้ที่รับผิดชอบการแสดงดังกล่าว
ละเมิดลิขสิทธิ์โดยการจัดทำโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน การแพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการจัดให้ประชาชนฟังและหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพโดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นในทางการค้า
2.3 ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
- วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
- ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
- ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
- เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
- ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
- คัดสำเนา ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
- นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
นอกจากนี้ การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
พระราชบัญญัติยังอนุญาตให้บรรณารักษ์ห้องสมุดทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากการทำซ้ำนั้นมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร
2.4 งานที่ไม่ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้:
- ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
- รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆตามที่ระบุข้างต้นซึ่งกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
2.5 ลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ ©
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 คุ้มครองงานที่มีลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์และนักแสดงของประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
2.6 การอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์หรือการโอนลิขสิทธิ์
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์กำหนดให้เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิในการอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิงานที่มีลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติกำหนดให้การโอนลิขสิทธิ์ซึ่งมิใช่ทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ถ้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ในสัญญาโอนให้ถือว่าเป็นการโอนมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี
ในการโอนลิขสิทธิ์ ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ยังมีสิทธิที่จะห้ามมิให้ผู้รับโอนลิขสิทธิ์บิดเบือน ตัดทอน ดัดแปลง หรือทำโดยประการอื่นใดแก่งานนั้นจนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้สร้างสรรค์
2.7 ระยะเวลาในการคุ้มครองลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม หรือดนตรี มีอายุตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และมีอยู่ต่อไปอีกเป็นเวลา 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ให้ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้น ลิขสิทธิ์ในงานศิลปประยุกต์ให้มีอายุ 25 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
2.8 บทกำหนดโทษ
ผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์โดยการทำซ้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์อาจต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท ถ้าการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำอาจต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Updated 28 August 2010