วันที่จะเริ่มนับสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้ จะนับจากวันที่มีรายได้ครั้งแรกตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม รายละเอียดเบื้องต้นตามนี้ www.faq108.co.th/boi/tax/firstdate.php
บริษัทสามารถเปลี่ยนการใช้สิทธิช่างฝีมือต่างชาติ จากเดิมของ กนอ มาเป็นของ BOI ได้ โดยดำเนินการดังนั้น
1. ยื่นขออนุมัติตำแหน่งช่างฝีมือต่างชาติต่อ BOI
2. ยื่นแจ้งพ้นตำแหน่งเดิมต่อ กนอ. โดยต้องแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้มีระยะเวลาวีซ่าเหลือไม่น้อยกว่าที่จะยื่นต่อ BOI ตามข้อ 3
3. ยื่นขอบรรจุช่างฝีมือต่อ BOI โดยระยะเวลานับจากวันที่ยื่นคำร้องในระบบ e-expert ของ BOI จนถึงวันที่ในหนังสือแจ้งพ้นที่ กนอ อนุญาตให้อยู่ในประเทศ จะต้องเหลือไม่น้อยกว่า 15 วัน กรณีที่ระยะเวลาเหลือน้อยกว่า 15 วัน จะไม่สามารถยื่นบรรจุต่อ BOI ได้ ดังนั้น ก่อนจะแจ้งพ้นตำแหน่งเดิมต่อ กนอ (ตามข้อ 2) จะต้องตรวจสอบขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ยื่นขอบรรจุช่างฝีมือต่อ BOI (ตามข้อ 3) ให้ถูกต้อง ด้วย
ถ้าไม่นำวัตถุดิบ/เครื่องจักร/แม่พิมพ์ ที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีจาก BOI ไปว่าจ้างทดลองผลิตชิ้นงาน ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจาก BOI และชิ้นงานตัวอย่างที่ผลิตนั้น ก็ไม่นับเป็นสินค้าในโครงการที่ได้รับ BOI
1. การเปลี่ยนที่ตั้งโรงงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์ ณ วันที่ยื่นขอรับการส่งเสริมครั้งแรก เช่น ถ้าบริษัทยื่นขอรับส่งเสริมในปี 2555 โดยตั้งโรงงานในเขต 2 นอกนิคม ซึ่งจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี และได้รับลดหย่อนอากรขาเข้ากึ่งหนึ่ง แต่ต่อมาจะขอเปลี่ยนสถานที่ตั้งโรงงานเป็นในเขต 3 ในนิคมอุตสาหกรรม ก็จะใช้หลักเกณฑ์การพิจารณา ณ วันที่ยื่นคำขอรับส่งเสริม (คือ ปี 2555) คือ การตั้งโรงงานในนิคม ในเขต 3 จะได้รับยกเว้นภาษี 8 ปี และได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ดังนั้น บริษัทจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนที่ตั้งจากเดิม เป็นนิคมในเขต 3 และจะแก้ไขสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้จาก 3 ปี เป็น 8 ปี และเปลี่ยนจากการลดหย่อนอากรขาเข้าเครื่องจักร เป็นการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร แต่การนับระยะเวลาเริ่มใช้สิทธิจะนับต่อเนื่องจากวันเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกตามโครงการเดิม และสิทธิที่เพิ่มขึ้นจะใช้ได้เฉพาะในส่วนที่เกิดหลังจากการเปลี่ยนที่ตั้งโรงงานแล้ว
2. การขอรับคำปรึกษา สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการของสำนักบริหารการลงทุน 1-4 ที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทได้โดยตรง
1. สัญญาเช่าโรงงานหรือสำนักงานที่มีอายุสัญญาเช่าเกินกว่า 3 ปี และจดทะเบียนสัญญาเช่าต่อกรมที่ดินสามารถนำมาคำนวณเป็นขนาดการลงทุน และเพื่อคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้จึงให้กรอกมูลค่าเช่า ในช่องค่าก่อสร้าง
2. สัญญาเช่าโรงงานหรือสำนักงานที่มีอายุสัญญาเช่าไม่เกิน 3 ปี เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่นำมานับเป็นขนาดการลงทุนจึงไม่ต้องกรอกในช่องค่าก่อสร้าง
ใบขนสินค้าขาออกที่จะนำมาตัดบัญชีได้ จะต้องบันทึกข้อมูลในช่องสิทธิประโยชน์ว่าใช้สิทธิประโยชน์ BOI ส่วนการระบุเลขที่บัตรส่งเสริม เข้าใจว่าเป็นข้อกำหนดของกรมศุลกากร ไม่ใช่ BOI
1. แยกเป็น 3 กรณี คือ
1) หากจะยังคงใช้เครื่องจักรนั้นในโครงการต่อไป ให้ยื่นขอตัดบัญชีเพื่อปลอดภาระภาษีสำหรับเครื่องจักรที่เกิน 5 ปี
2) หากจะจำหน่ายในประเทศ ให้ยื่นขอจำหน่าย (หากเกิน 5 ปี จะไม่มีภาระภาษี)
3) หากจะส่งออก ให้ยื่นขอส่งเครื่องจักรไปต่างประเทศ (ไม่มีภาระภาษี แม้จะไม่เกิน 5 ปี)
2. ก็สามารถจำหน่ายได้ตามที่ได้รับอนุญาต
3. - หากได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการแล้ว ให้ยื่นขอยกเลิกโครงการ โดยเครื่องจักรที่นำเข้าไม่ครบ 5 ปี จะต้องชำระภาษีตามสภาพ ส่วนวัตถุดิบที่ไม่ได้ส่งออก จะต้องชำระภาษีตามสภาพ ณ วันนำเข้า
- หากจะสอบถามเรื่องยกเลิกโครงการ ให้แยกเป็นคำถามใหม่ ในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเงื่อนไขหรือข้อจำกัดของ BOI บริษัทจะต้องมีการลงทุนขั้นต่ำ (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่ง 1 ล้านบาทสามารถรวมค่าสินทรัพย์ที่ใช้ในการให้บริการลูกค้าตามขอบข่ายธุรกิจที่บริษัทขอ ค่า Renovate Office ค่าเช่าอาคารที่มากกว่า 36 เดือน เป็นต้น รวมถึงจะต้องมีการจ้างงานขั้นต่ำ 10 คน (รวมทั้งคนไทยและต่างชาติ)
1.การอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องจักรโดยมีภาระภาษี จะเป็นไปตามแบบฟอร์มนี้ ซึ่งระบุให้บริษัทต้องนำหลักฐานชำระภาษีมายื่นขอตัดบัญชี
2.การอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องจักรโดยไม่มีภาระภาษี จะเป็นตามแบบฟอร์มนี้ ซึ่งไม่ได้ระบุให้บริษัทต้องมาตัดบัญชี จึงไม่ต้องยื่นตัดบัญชีอีก
A (BOI - IPO) นำเข้าวัตถุดิบโดยใช้สิทธิมาตรา 36 และจำหน่ายให้ B (BOI) จากนั้น B นำไปผลิตและส่งออก B สามารถตัดบัญชี และออก report-V เพื่อโอนสิทธิให้ A นำไปตัดบัญชีได้
ขึ้นอยู่กับว่าจะแก้ไขในลักษณะไหน หากจะมีการย้ายเครื่องจักรบางส่วนไปติดตั้งในสถานที่ใหม่ ให้แสดงรายละเอียดเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และกำลังผลิตของที่ตั้งเดิมและที่ตั้งใหม่ ให้ชัดเจนด้วย
ในบัตรส่งเสริมกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจะต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการถือหุ้นระหว่างผู้มีสัญชาติไทยและคนต่างด้าว และการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของคนต่างด้าวต่างสัญชาติทุกครั้ง กรณีที่สอบถาม เป็นการเปลี่ยนชื่อของบริษัทที่ถือหุ้น ซึ่งบริษัทนั้นยังคงเป็นสัญชาติเดิม จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริม
1. การนับระยะเวลายกเว้นภาษีจะนับวันชนวัน ถูกต้อง ปีไหนที่ได้รับสิทธิไม่ครบปี ก็ใช้สิทธิได้เฉพาะรายได้ในช่วงวันเวลาที่ได้รับสิทธิเท่านั้น
2. หากในระหว่างที่ได้รับยกเว้นภาษีมีผลขาดทุนประจำปี ก็สามารถยกผลขาดทุนไปหักลบจากกำไรหลังสิ้นสุดสิทธิได้ไม่เกิน 5 ปี ตามที่เข้าใจ ถูกต้องแล้ว
บริษัทได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 6 ปี นับจากวันที่เริ่มมีรายได้ครั้งแรก จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของรายได้ตั้งแต่วันที่ 10/4/2010 - 9/4/2016 หากรอบปีบัญชีของบริษัท คือ มกราคม - ธันวาคม จะสามารถใช้สิทธิ 7 รอบปีบัญชี แต่รอบปีแรกและรอบปีสุดท้าย จะใช้สิทธิได้ไม่ครบรอบปีบัญชี คือ สามารถใช้สิทธิสำหรับรายได้ดังนี้
รอบปี 2010 ใช้สิทธิสำหรับรายได้ 10/4/2010 - 31/12/2010
2011 ใช้สิทธิได้ตลอดทั้งปี
2012 ใช้สิทธิได้ตลอดทั้งปี
2013 ใช้สิทธิได้ตลอดทั้งปี
2014 ใช้สิทธิได้ตลอดทั้งปี
2015 ใช้สิทธิได้ตลอดทั้งปี
รอบปี 2016 ใช้สิทธิสำหรับรายได้ 1/1/2016 - 9/4/2016
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจาก BOI จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ช่างต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงานอยู่แล้วก่อนที่บริษัทจะขอส่งเสริม ก็ยังสามารถทำงานได้ต่อไป ส่วนช่างต่างชาติที่เข้ามาใหม่ จะขอใช้สิทธิจาก BOI หรือไม่ก็ได้ หากจะขอใช้สิทธิ BOI ก็ต้องยื่นขออนุมัติตำแหน่ง และขอบรรจุ ตามหลักเกณฑ์ที่ BOI กำหนด
ในบัตรส่งเสริมกำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำไว้ หากจะเพิ่มทุนจดทะเบียนมากกว่าที่กำหนดในบัตร ก็ดำเนินการได้โดยไม่ต้องแจ้ง BOI แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างคนไทยกับคนต่างด้าว หรือระหว่างคนต่างด้าวต่างสัญชาติ จะต้องรายงาน BOI เพื่อทราบ