Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
การย้ายฐานการผลิตจากจังหวัดปราจีนบุรีไปที่จังหวัดปทุมธานีสามารถทำได้หรือไม่ ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้ทำการเปิดดำเนินการ หากสามารถทำได้ต้องดำเนินการอย่างไรหรือหากทำไม่ได้จะต้องดำเนินการอย่างไร

เนื่องจากไม่มีข้อมูลว่าได้รับส่งเสริมในกิจการประเภทใด และที่ตั้งโรงงานอยู่ในหรือนอกนิคมอุตสาหกรรม จึงขอตอบตามหลักการทั่วไปดังนี้

1.กรณีเป็นโครงการยื่นคำขอรับส่งเสริมก่อนวันที่ 1 มกราคม 2558

จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามเกณฑ์ที่ตั้งโรงงาน ดังนั้น หากย้ายที่ตั้งจากปราจีนบุรี (เขต 3) ไปยังปทุมธานี (เขต 1) จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดลง

2.กรณีเป็นโครงการยื่นคำขอรับส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558

จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามประเภทกิจการ ดังนั้น หากย้ายที่ตั้งจากปราจีนบุรี ไปยังปทุมธานี จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเดิม

แต่หากย้ายออกนอกนิคมอุตสาหกรรม อาจถูกเพิกถอนสิทธิภาษีเงินได้ 1 ปี ตามที่เคยได้รับตามคุณค่าของโครงการ (Merid-based Incentives)

บริษัทกำลังจะยื่นเปิดดำเนินการ ซึ่งในบัตรส่งเสริมระบุว่า กำลังผลิต 300,000ชิ้น/ปี หลังจากคำนวณกำลังการผลิตจริงแล้ว พบว่าต่ำกว่า 50% (170,000ชิ้น) ของบัตรฯ จึงอยากทราบว่าบริษัทควรทำอย่างไรบ้าง (ขอแก้ไขโครงการตอนยื่นเปิดได้หรือไม่)

กรณีบริษัทมีกำลังผลิตสูงสุดต่ำกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริม สามารถขอลดขนาดกิจการในขั้นตอนการเปิดดำเนินการได้

โดย BOI จะปรับลดมูลค่าการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่มีการลงทุนจริง และปรับลดปริมาณบัญชีสต็อกวัตถุดิบสูงสุดตามกำลังผลิตที่ปรับลดลง

เมื่อหมด BOI แล้ว ต้องกลับไปขอ Foreign business license หรือเปล่า ส่วนภาษี เสียถูกต้องเหมือนไม่ได้รับสิทธิทั่วไป

การให้การส่งเสริมของ BOI ไม่มีวันที่สิ้นสุดการให้การส่งเสริม จะสิ้นสุดเฉพาะการยกเว้นภาษีอากรต่างๆ เท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าสิทธิทางภาษีจะสิ้นสุดลง บริษัทก็ยังมีสถานะเป็นผู้ได้รับส่งเสริม จึงยังคงใช้สิทธิอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี เช่น การถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน การขออนุญาตทำงานของช่างฝีมือต่างชาติ ได้ต่อไป สถานะการเป็นผู้ได้รับส่งเสริมจะสิ้นสุดลงเมื่อบริษัทขอยกเลิกบัตรส่งเสริม หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขจนถูกเพิกถอนบัตรส่งเสริม กิจการผลิตสินค้าที่ไม่อยู่ในบัญชีท้ายประกาศ พรบ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องขออนุญาตตาม พรบ ดังกล่าว ดังนั้น แม้ว่าจะได้/ไม่ได้รับส่งเสริมจาก BOI ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ Foreign Business License

ตำแหน่งที่ได้รับอนุมัติมีกำหนดระยะเวลาหมดอายุไหม ถ้ามีตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้บรรจุ

ตำแหน่งที่ได้รับอนุมัติ ปกติมีระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่ยื่นคำร้อง (ยกเว้นกิจการบางประเภท เช่น TISO หรือซอฟต์แวร์ จะมีระยะเวลา 1 ปี) หากตำแหน่งใกล้จะสิ้นสุดลง สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาตำแหน่งได้ โดย BOI จะพิจารณาเหตุผลความจำเป็นเป็นกรณีไป ตำแหน่งที่ได้รับอนุมัติแล้ว แต่ไม่ได้ยื่นขอบรรจุ เมื่อครบตามกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติ ตำแหน่งนั้นก็จะสิ้นสุดลง

บริษัท A ได้รับส่งเสริม BOI มีกำลังการผลิต 12,000 ชิ้นต่อปี ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 56 บริษัท A ได้ขายกิจการไปให้บริษัท B โดยมีคำถามดังนี้ 1. บริษัท A ได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับกำลังการผลิตจำนวนกี่ชิ้น? 2. บริษัท B ได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับกำลังการผลิตจำนวนกี่ชิ้น? 3. ถ้าบริษัท A ใช้สิทธิจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 56 จำนวน 7,000 ชิ้น จะมีปัญหาหรือไม่?

สมมุติว่า A และ B มีรอบปีเหมือนกัน คือ ม.ค. - ธ.ค. หากโอนบัตรในวันที่ 1 ก.ค. 56 A จะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษี สำหรับยอดขายระหว่าง 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. ได้ไม่เกิน 6,000 ชิ้น (50% ของกำลังผลิตสูงสุดต่อปี) ส่วน B ก็สามารถใช้สิทธิสำหรับยอดขายระหว่าง 1 ก.ค. - 31 ธ.ค. ได้ไม่เกิน 6,000 ชิ้น ดังนั้น หาก A ยื่นขอใช้สิทธิระหว่าง 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. จำนวน 7,000 ชิ้น ก็ถือว่าใช้สิทธิเกินกว่าที่ได้รับส่งเสริม

เรื่องยื่นขยายการกำหนดมีรายได้ครั้งแรก บัตรส่งเสริมฯ ลงวันที่ 31/01/2560 ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ม.31 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กำหนดระยะเวลา 6 ปี นับตั้งแต่วันที่มีรายได้ครั้งแรก เนื่องจากบริษัท ฯ ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้าง และยังไม่ได้ยื่นขอใช้สิทธิประโยชน์ใดๆๆ แต่บริษัท ฯ ได้ไปแจ้งยืนยันการดำเนินการตามโครงการ ระบบ emonitoring เดือน ก.พ. 61 และ ก.ค. 61 เรียบร้อยแล้ว แสดงว่าบริษัท ฯ ได้ยื่นขยายการกำหนดการมีรายได้ครั้งแรก แล้วใช่ไหม หรือต้องทำอย่างไรบ้าง

บัตรส่งเสริม ไม่มีเงื่อนไขกำหนดว่า ต้องเริ่มมีรายได้ครั้งแรกภายในเมื่อใด จึงไม่ต้องยื่นขยายวันเริ่มมีรายได้ครั้งแรก และไม่เกี่ยวอะไรกับการยืนยันการดำเนินการตามโครงการ

บริษัทได้ซื้อเครื่องจักรจากร้านค้าต่างประเทศ ซึ่งจะต้องให้ผู้รับเหมาต่างชาตินั้นเข้ามาติดตั้งเป็นเวลานาน 2 ปี จึงอยากสอบถามว่า 1. บริษัทจะต้องยื่นขอตำแหน่งและบรรจุเหมือนช่างฝีมือ/ผู้ชำนาญการทั่วไปหรือไม่ อย่างไร 2. ต้องทำแผนถ่ายทอดฯ หรือเพิ่มเข้าไปในผังองค์กรหรือไม่ อย่างไร

1.-2. หากจะขออนุญาตทำงานเกินกว่า 6 เดือน จะต้องยื่นขออนุมัติตำแหน่ง / ยื่นขอบรรจุ / ทำแผนถ่ายทอดเทคโนโลยี / ระบุในผังองค์กร เช่นเดียวกับตำแหน่งช่างฝีมือ/ผู้ชำนาญการอื่นๆ

กรณีที่ได้รับการส่งเสริมประเภทกิจการ 7.6 ITC นอกจากจัดซื้อวัตถุดิบ และชิ้นส่วน เพื่อจำหน่ายแล้ว ถ้าต้องการขายถุงสำหรับบรรจุสินค้าไปยังต่างประเทศ กรณีนี้เข้าข่าย ITC หรือไม่

กิจการ ITC จะระบุขอบข่ายธุรกิจว่า การจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ การจำหน่ายถุงหรือบรรจุภัณฑ์ ก็รวมอยู่ในขอบข่ายธุรกิจของ ITC ด้วย

เมื่อบริษัทได้รับจดหมายยืนยันว่า บริษัทได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการได้ตามใบอนุญาตแล้วนั้น ทางบริษัทฯต้องทำอะไรหรือส่งรายงานอะไรอีกหรือไม่

ใบอนุญาตเปิดดำเนินการของ BOI เป็นเอกสารแสดงว่าบริษัทได้มีการลงทุนครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริมแล้ว

หลังจากบริษัทได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการ บริษัทยังคงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม และจะต้องรายงานผลการดำเนินการประจำปี ตาม ประกาศ สกท ที่ ป.2/2561 จนกว่าจะสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม

บริษัทจะย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ในจังหวัดเดียวกันแต่คนละนิคมอุตสาหกรรม จะสามารถเช็คสิทธิประโยชน์จากการเปลี่ยนที่ตั้งได้อย่างไร

การเปลี่ยนสถานที่ตั้งโรงงาน จะอนุญาตให้เปลี่ยนได้ โดยใช้หลักเกณฑ์การพิจารณา ณ วันที่เคยได้รับอนุมัติอยู่เดิม เช่น หากบริษัทได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมในปี 2556 โดยได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์ของประกาศ ที่ 2/2552 แต่ต่อมาในปี 2560 หากบริษัทจะขอเปลี่ยนที่ตั้งจากนิคม A เป็นนิคม B ในจังหวัดเดียวกัน BOI ก็จะยังคงพิจารณาให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามประกาศ ที่ 2/2552 เช่นเดิม โดยจะนับสิทธิต่อจากที่ได้รับอยู่เดิม หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการในอดีตที่ผ่านมา

การตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดเดียวกัน จะได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากัน (ยกเว้นนิคมแหลมฉบัง) ดังนั้น หากจะเปลี่ยนที่ตั้งโรงงาน เป็นนิคมอื่น ในจังหวัดเดียวกัน (ยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง) จะได้รับสิทธิประโยชน์เท่าที่ได้รับอยู่เดิม

แต่หากเป็นกรณีที่จะย้ายเข้าหรือออกจากนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จะต้องตรวจสอบสิทธิประโยชน์ตามประกาศหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน ที่ใช้ในวันที่อนุมัติให้การส่งเสริมโครงการนั้น

บริษัทได้ทำการขายผลิตภัณฑ์ ให้กับลูกค้า ที่มีการส่งออก อยากทราบว่าทางบริษัทจะนำใบขนขาออกที่ลูกค้าทำการส่งออก ได้อย่างไร (บ.เป็นการส่งออกทางอ้อม ขายสินค้าให้เฉพาะลูกค้าในเครือ )

กรณี A ผลิตสินค้าจำหน่ายให้ B จากนั้น B นำไปส่งออก

1.กรณี B เป็นบริษัทที่ได้รับส่งเสริมและได้รับสิทธิตามมาตรา 36 B สามารถยื่นตัดบัญชีวัตถุดิบ และโอนสิทธิตัดบัญชีวัตถุดิบ (report-V) ให้ A นำไปตัดบัญชีบัญชีต่อไป

2.กรณี B เป็น Trader ที่ไม่ได้รับส่งเสริมจาก BOI

- B ต้องระบุการใช้สิทธิ BOI ในใบขนสินค้าขาออก และ

- ระบุเลขนิติบุคคล 13 หลักของบริษัทที่จะโอนสิทธิตัดบัญชี ในช่อง remark ของสินค้าแต่ละรายการในใบขนสินค้าขาออก และ

- ระบุชื่อสินค้าและโมเดลให้ตรงกับสูตรการผลิตของบริษัทที่จะโอนสิทธิตัดบัญชีให้

3.กรณี B เป็นโรงงานผลิตที่ไม่ได้รับส่งเสริมจาก BOI ไม่สามารถโอนสิทธิใบขนสินค้าขาออกให้กับ A

เรื่องการซื้อเครื่องจักรมือสองภายในประเทศ สามารถทำได้รึเปล่า บริษัทฯได้รับอนุญาตสามารถใช้เครื่องจักรเก่าอายุไม่เกิน 5 ปีได้ในโครงการ ถ้าทำได้ต้องทำอย่างไรบ้าง

โครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน จะใช้เครื่องจักรเก่าใช้แล้วจากภายในประเทศไม่ได้ กรณีได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่า จะต้องเป็นเครื่องจักรเก่าจากต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ ข้อ 6.1.3 ตามประกาศที่ 2/2557 เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน (ยกเว้นกิจการที่ได้รับส่งเสริมตามนโยบายพิเศษ เช่น นโยบาย SMEs จึงจะอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเก่าใช้แล้วในประเทศได้)

บริษัทจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดของวัตถุดิบและชิ้นส่วนในกิจการ IPO ให้ BOI พิจารณาก่อนหรือไม่ หรือบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจจัดหาสินค้าประเภทใดก็ได้ อย่างในกรณีวัสดุสิ้นเปลือง เช่น น้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องจักร อยู่ในข่ายดำเนินการภายใต้กิจการ IPO ได้หรือไม่
บริษัทต้องแจ้งรายละเอียดวัตถุดิบ บริษัทที่จัดซื้อ และบริษัทลูกค้าที่จะขาย รวมถึงอุตสาหกรรมของสินค้าที่จะขายคร่าวๆ ใน Application อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ จะต้องแจ้งรายชื่อเพื่อขออนุญาตยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบ รวมถึงแจ้งปริมาณก่อนนำเข้าทุกครั้ง สำหรับน้ำมันหล่อลื่น ที่ใช้สำหรับเครื่องจักรผลิต ถือเป็นสินค้าพร้อมใช้งาน หรือสินค้าสำเร็จรูป ไม่ได้นำไปผลิตต่อ จึงไม่เข้าข่าย IPO
อยากทราบว่า "สินค้าสำเร็จรูป" ซึ่งสามารถดำเนินการภายใต้กิจการ ITC เดิมได้นั้น สามารถดำเนินการภายใต้กิจการ IPO ได้ด้วยหรือไม่
IPO ไม่อนุญาตให้ซื้อขายสินค้าสำเร็จรูปได้
ขอสอบถามเกี่ยวกับเครื่องจักรที่นำเข้ามาใช้งานเกิน 5 ปี ดังนี้ 1. นำมาตัดบัญชีเพื่อปลอดภาระภาษีอากรได้ก่อน การจำหน่าย จ่าย โอน หรือ ต้องจำหน่าย จ่าย โอน ก่อนตัดบัญชีเครื่องจักร 2. หากตัดบัญชีเครื่องจักรไปแล้ว เครื่องจักรดังกล่าวสามารถใช้ในกิจการได้อยู่หรือไม่ 3. กรณีที่นำเข้าเครื่องจักรในระบบ MCTS และ EMT สามารถยื่นเรื่องใหม่เพื่อขอตัดบัญชีเครื่องจักรได้หรือไม่ และถ้าบริษัทไม่มีเอกสารนำเข้าเครื่องจักร สามารถใช้ข้อมูลจาก IC แทนได้หรือไม่

1.ต้องได้รับการตัดบัญชีก่อนจึงจะจำหน่ายได้โดยไม่มีภาระภาษี

- กรณีต้องการตัดบัญชีและจำหน่าย บางสำนักให้ยื่นเรื่องพร้อมกันได้ แต่บางสำนักงานให้ยื่นเรื่องตัดบัญชีให้เสร็จก่อนจึงจะยื่นเรื่องขอจำหน่าย จึงให้ตรวจสอบกับแต่ละสำนักอีกครั้งหนึ่ง

2.การตัดบัญชีเครื่องจักรเกิน 5 ปี ยังคงต้องใช้เครื่องจักรในโครงการต่อไป เว้นแต่จะยื่นขอจำหน่ายเครื่องจักรนั้นด้วย

3.ไม่เข้าใจคำถาม ข้อมูลที่ต้องใช้ในการตัดบัญชี 5 ปี คือ ชื่อเครื่องจักร และเลขที่/วันที่หนังสืออนุมัติสั่งปล่อย

บริษัทขายผลิตภัณฑ์ที่เป็น BOI ให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ใช้สิทธิ BOI โดยที่ผ่านมาลูกค้าได้มีการทำใบขนโดยการสลักหลังมาให้บริษัทฯ เพื่อตัดบัญชีวัตถุดิบได้ แต่ครั้งนี้จะมีการตัดบัญชีวัตถุดิบแบบไร้เอกสาร ซึ่งลูกค้าไม่สามารถจะเอาชื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ลงไปในใบขนได้ บริษัทฯ จะต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถตัดบัญชีวัตถุดิบแบบไร้เอกสารได้

กรณีที่บริษัท A (BOI) จำหน่ายสินค้าให้บริษัท B (non-BOI) เพื่อส่งออกทางอ้อม สินค้าที่ส่งออกจะต้องเป็นชื่อและโมเดลเดียวกันกับที่บริษัท A จำหน่ายให้บริษัท B และต้องตรงกับชื่อผลิตภัณฑ์และโมเดลที่บริษัท A ได้รับอนุมัติสูตรการผลิต การโอนสิทธิใบขนขาออกเพื่อตัดบัญชีแบบไร้เอกสาร บริษัท A จะต้องปฏิบัติดังนี้

1. ต้องติ๊กสิทธิประโยชน์ในใบขนอิเล็กทรอนิกส์เป็น BOI

2. ต้องระบุเลขนิติบุคคล 13 หลักของบริษัท B ในช่อง remark ของสินค้าแต่ละรายการที่จะโอนสิทธิ โดยจะระบุข้อความอื่นต่อท้ายได้เลข 13 หลักก็ได้ แต่ระบบ RMTS จะดึงข้อมูลจากช่อง remark ในใบขนอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะ 13 ตัวอักษรแรกเท่านั้น

3. สินค้าแต่ละรายการในใบขนอิเล็กทรอนิกส์ สามารถโอนสิทธิให้ผู้ผลิตรายเดียวเท่านั้น หากต้องการโอนสิทธิให้ผู้ผลิตหลายราย ต้องแยกสินค้าเป็นแต่ละรายการ

4. ต้องระบุชื่อสินค้าและโมเดล ในใบขนอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อกำหนดใน ประกาศ สกท ที่ ป.9/2561 คือ

- ต้องระบุชื่อผลิตภัณฑ์ในช่อง ENGLISH DESCRIPTION OF GOODS และระบุชื่อโมเดลในช่อง PRODUCT CODE หรือ

- ต้องระบุชื่อผลิตภัณฑ์ตามด้วยชื่อโมเดลในช่อง ENGLISH DESCRIPTION OF GOODS และต้องไม่ระบุข้อมูลใดๆ ในช่อง PRODUCT CODE

แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือเท่าที่ทราบไม่สามารถใช้ในโครงการ BOI ได้ แต่มีในกรณีไหนบ้างที่ใช้ได้ไหม รบกวนขอเอกสารหนังสืออ้างอิง

ตามประกาศ BOI ที่ ป.1/2559 ลงวันที่ 29 เมษายน 2559 ข้อ 2. ผ่อนผันให้ผู้ได้รับส่งเสริมใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือที่ถูกต้องตามกฎหมายในโครงการที่ได้รับการส่งจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ข้อ 3. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป จะอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจ้างแรงงานภาครัฐ (MOU) เท่านั้น ข้อ 4. โครงการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัดและพื้นที่ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522

เอกสารอ้างอิง สามารถค้นหาได้จากรวมประกาศ BOI โดยคีย์คำว่า แรงงาน ในช่องค้นหา

หากนำเข้าเครื่องจักรจาก ตปท แล้วต่อมาให้ช่างจากทางผู้ขายเข้ามาติดตั้งและอบรมการใช้เครื่องจักร ซึ่งเป็นการบริการที่มีค่าใช้จ่าย ออกเป็นอินวอยซ์เรียกเก็บในเวลาต่อมา กรณีนี้จำเป็นต้องนำเค้าบริการดังกล่าว ไปดำเนินการเสียภาษีย้อนหลังกับท่าที่ตรวจปล่อยของกรมศุลฯหรือไม่

กรณีนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ และมีการให้ช่างต่างชาติเข้ามาติดตั้งเครื่องจักร ค่าติดตั้งดังกล่าวเป็นค่าบริการที่เกิดขึ้นในประเทศ ไม่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องรวมสำแดงเป็นราคานำเข้าเครื่องจักร รายละเอียดขอให้ติดต่อสอบถามกับกรมศุลกากรโดยตรง

รายการอะไหล่และชิ้นส่วนที่ไม่ได้ลงบัญชีเป็นสินทรัพย์ บริษัทมีนำเข้ากระดาษทรายที่ประกอบกับเครื่องจักร ที่ใช้สิทธิฯ นำเข้าจะต้องแสดงในแบบคำขอเปิดดำเนินการ ด้วยหรือไม่

เครื่องจักร อะไหล่ แม่พิมพ์ ฯลฯ ที่นำเข้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากร จะต้องยื่นแสดงรายการในแบบคำขอเปิดดำเนินการด้วย

แต่กรณีที่สอบถาม น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาต่ำ และอาจไม่ได้บันทึกในทะเบียนสินทรัพย์ ซึ่งอุปกรณ์ลักษณะนี้ หากมีเป็นจำนวนมาก และบริษัทไม่ประสงค์จะนำมารวมเป็นมูลค่าการลงทุนเพื่อคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อาจใช้วิธีจัดทำเป็นเอกสารแนบ โดยพิมพ์รายงานการสั่งปล่อยจากระบบ eMT เพื่อแนบเป็นหลักฐานว่ามีการใช้สิทธินำเข้า แต่ไม่ประสงค์จะนำมารวมเป็นมูลค่าการลงทุน ก็ได้

บัตรส่งเสริมไม่มีเงื่อนไขกำหนดว่า ต้องเริ่มมีรายได้ครั้งแรกภายในเมื่อใด รบกวนสอบถามต่อถ้าบริษัท ฯ อยู่โครงการ นโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ ประกาศที่ 10/2558 http://www.faq108.co.th/boi/announcement/pdf/2558_10.pdf เงื่อน ข้อ ๒.๓ กิจการสนับสนุนการพัฒนาคลัสเตอร์ (๒) ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุด ๓.๒ ต้องมีรายได้ครั้งแรกภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ในความที่มีความจำเป็นให้สำนักฯ พิจารณาขยายเวลาดำเนินการตามความเหมาะสม สรุป บริษัทฯ ต้องอ้างอิงตามบัตรส่งเสริม หรือตามประกาศ ที่ 10/2558 คะ ถ้าอ้างอิงตามประกาศ บริษัทฯ ต้องทำอย่างไรบ้างคะ เพราะหมดระยะเวลาที่กำหนดต้องมีรายได้ครั้งแรก วันที่ 31 ธ.ค. 2560

หากบริษัทได้รับส่งเสริมโดยได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเป็นพิเศษ ตามนโยบายพัฒนาคลัสเตอร์ (ประกาศ กกท ที่ 10/2558) ก็จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประกาศ คือ ต้องมีรายได้ครั้งแรกภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 หากปฏิบัติไม่ได้ หรือยื่นขอขยายเวลาแล้วแต่ไม่ได้รับอนุญาตจาก BOI ก็จะถูกปรับลดสิทธิประโยชน์เหลือเท่ากับหลักเกณฑ์ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนตามปกติ ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map