ตามความหมายของ BOI จะเรียกว่า เป็นการโอนกิจการ หรือการยกเลิกโครงการ
การโอนกิจการ
คือการจะขอโอนสิทธิความเป็นผู้ได้รับส่งเสริมไปให้กับบริษัทอื่นเพื่อดำเนินโครงการนั้นต่อไป ดูรายละเอียดตาม link และหากมีคำถามเพิ่มเติม ให้ตั้งเป็นกระทู้ใหม่ภายใต้หมวดหมู่ "การขอรับส่งเสริม / การโอน-รับโอนกิจการ" การยกเลิกโครงการ
คือการจะยกเลิกความเป็นผู้ได้รับส่งเสริม (ยกเลิกบัตรส่งเสริม) ในโครงการนั้นๆ แต่บริษัทจะยังคงดำรงอยู่ต่อไป และประกอบกิจการนั้นต่อไปก็ได้ โดยจะไม่ได้รับสิทธิใดๆทั้งสิ้นจาก BOI ในการยกเลิกโครงการ จะต้องเคลียร์ภาระภาษีต่างๆให้หมดสิ้น จึงจะยกเลิกโครงการได้โดยไม่มีภาระภาษี
และจะต้องเปิดดำเนินการตามโครงการให้ได้ มิฉะนั้นจะถูกเพิกถอนบัตรส่งเสริม และอาจถูกเพิกถอนสิทธิประโยชน์ย้อนหลัง เสมือนไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ หากมีคำถามเพิ่มเติม ให้ตั้งเป็นกระทู้ใหม่ภายใต้หมวดหมู่ "การขอรับส่งเสริม / อื่นๆ (ยกเลิกโครงการ)"
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพที่สิ้นสุดระยะเวลาในปี 2565 มีการขยายระยเวลาเพิ่มเติมหรือไม่
เนื่องจากเป็นมาตรการที่ช่วยยกระดับในด้านต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการในประเทศ และมีมาตรการย่อย บางข้อที่เพิ่งเริ่มประกาศใช้ได้ไม่นาน จึงอาจจะมีการพิจารณาขยายเวลาของมาตรการนี้ ทั้งนี้ขอให้ติดตามประกาศอย่างเป็นทางการของสำนักงานจากหน้าเว็บไซต์
มีการกำหนดสัดส่วนของพลังงานที่ได้จากโซลาร์เซลล์หรือไม่ และต้องมีการลงทุนเท่าใด
ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้านการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในกิจการ หมายถึง การเปลี่ยพลังงานที่ใช้ในโครงการ จากเดิมที่ใช้พลังงานฟอสซิล (เช่น น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ) เป็นการใช้พลังงานทดแทน ตามชนิดที่กำหนด (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น) นั้นไม่มีเงื่อนไขตัวชี้วัดเป็นตัวเลขที่ต้องปฏิบัติให้ได้ เนื่องจากในบางกรณีหรือในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การใช้พลังงานทดแทนอาจมีต้นทุนสูงกว่าพลังงานที่ใช้อยู่เดิม แต่จะพิจารณาว่าพลังงานทดแทนที่จะนำมาใช้ มีความเหมาะสมหรือไม่
ถาม Q14.1:
ทำไมจึงไม่ให้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุตตลตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพกับโครงการที่ยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโครงการเดิมที่มีอยู่
ตอบ A14.1:
กรณีที่บริษัทจะลงทุนติดตั้งแผง Solar
1. หากโครงการที่ได้รับส่งเสริม ยังไม่สิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ และยังไม่ครบกำหนดเปิดดำเนินการ
- ให้ยื่นขอแก้ไขกรรมวิธีผลิต โดยให้ระบุว่าจะมีการลงทุนติดตั้งแผง Solar เพื่อใช้พลังงานทดแทนในโครงการด้วย
- เมื่อได้รับอนุมัติ จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้าแผง Solar (กรณีไม่ผลิตหรือประกอบในประเทศ) และจะได้รับแก้ไขวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่มขึ้นเท่ากับ 100% ของมูลค่าการลงทุนในส่วนของแผง Solar (ซึ่งจะมากกว่าข้อ 2 ที่กำหนดวงเงินยกเว้นภาษีเพียง 50% ของมูลค่าการลงทุนแผง Solar)
2. หากโครงการที่ได้รับส่งเสริม สิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ และได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว
- สามารถนำโครงการนี้มายื่นขอรับส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงฯ
- จะได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 28 และยกเว้นภาษีเงินได้เป็นวงเงิน 50% ของมูลค่าการลงทุนในส่วนของแผง Solar
3. หากโครงการที่ได้รับส่งเสริม ได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว แต่ยังไม่สิ้นสุดสิทธิการยกเว้น/ ลดหย่อนภาษีเงินได้
- ไม่สามารถยื่นแก้ไขโครงการตามข้อ 1 เนื่องจาก BOI ไม่อนุญาตให้แก้ไขโครงการที่มีการลงทุนเพิ่มเติม หลังเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว
- และไม่สามารถยื่นขอรับส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงตามข้อ 2 เนื่องจากยังไม่สิ้นสุดสิทธิการยกเว้น/ลดหย่อนภาษีเงินได้
ถาม Q14.2:
- การใช้สิทธิยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร หากทางบริษัทที่เป็นผู้รับติดตั้งนำเข้ามาเอง สามารถใช้สิทธิยกเว้นอากรนำเข้าของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมได้หรือไม่
- ระบบบัญชีต้องดำเนินการอย่างไร ต้องแยกบัญชีหรือไม่หากได้รับการส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ
- Serial No. ของอุปกรณ์ จะต้องถูกต้องตรงกับที่จะนำมาติดตั้งจริง หากไม่ตรงกันจะทำให้ไม่สามารถผ่านพิธีศุลกากรใช่หรือไม่
ตอบ A14.2:
ตอบคำถามดังนี้1. ในการจะใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ผู้นำเข้าจะต้องเป็นบริษัทที่ได้รับส่งเสริมที่ได้รับสิทธิ เท่านั้น (แต่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่น เป็นผู้ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรแทนได้ ตามระเบียบของกรมศุลกากร) หากบริษัทที่เป็นผู้รับติดตั้งแผงโซลาร์ เป็นผู้นำเข้าจากนั้นจำหน่ายพร้อมติดตั้งให้กับผู้ได้รับส่งเสริม จะไม่สามารถใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรได้
2. กรณีติดตั้งแผงโซลาร์ ปกติจะตรวจสอบเพียงว่าได้นำพลังงานจากแผงโซลาร์ไปใช้ในโครงการที่ได้รับส่งเสริมปรับปรุงประสิทธิภาพเท่านั้น เช่น หากบริษัทได้รับส่งเสริมหลายโครงการ (บัตร 1, บัตร 2, บัตร 3) อยู่ในสถานประกอบการเดียวกัน แต่ยื่นขอส่งเสริมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเฉพาะบัตร 1 บริษัทจะต้องดำเนินการให้สามารถตรวจสอบได้ว่า การลงทุนแผงโซลาร์ เป็นการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในบัตร 1 เท่านั้น
3. การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร มีเงื่อนไขว่า ต้องไม่เป็นเครื่องจักรที่ผลิตหรือประกอบได้ในประเทศ ซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกับชนิดที่ผลิตในต่างประเทศ และมีปริมาณเพียงพอที่จะจัดหามาใช้ได้ การระบุ serial หรือ spec เป็นวิธีการหนึ่งที่จะยืนยันว่า เครื่องจักรที่จะขอนำเข้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากร ไม่เป็นชนิดที่มีผลิตหรือประกอบในประเทศ ซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกัน ดังนั้น หากบริษัทยื่นขออนุมัติบัญชีรายการเครื่องจักรโดยระบุ serial / spec ก็จะต้องระบุ serial / spec ของสินค้านำเข้า ให้ตรงกับที่ได้รับอนุมัติ มิฉะนั้นจะขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ได้
การคำนวณขนาดการลงทุนเพื่อนับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถนับได้ถึงวันที่บริษัทขอยุติการนับขนาดการลงทุน ซึ่งต้องไม่เกินวันครบกำหนดเปิดดำเนินการ กรณีที่สอบถามข้างต้น หากบริษัทยื่นคำขอเปิดดำเนินการในวันที่ 30 มิ.ย. ก็สามารถกำหนดวันยุติการนับขนาดการลงทุนเป็นวันที่ 30 มิ.ย. และนำมูลค่าเครื่องจักรที่ซื้อมาระหว่าง 1 ก.พ. - 29 มิ.ย. มารวมนับเป็นขนาดการลงทุนได้ แม้ว่าเครื่องจักรนั้นจะชำระภาษีอากรเข้ามาเองก็ตาม แต่ทั้งนี้ต้องเป็นเครื่องจักรที่ถูกต้องตามตามเงื่อนไขของโครงการ (เช่น เป็นเครื่องจักรใหม่ ในกรณีมีเงื่อนไขให้ใช้เครื่องจักรใหม่ เป็นต้น)
(ปล. หากระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรสิ้นสุดในวันที่ 30 ม.ค. ระยะเวลาเปิดดำเนินการน่าจะนับไปอีก 6 เดือน คือ 30 ก.ค. ไม่น่าจะใช่ 30 มิ.ย.)
วันแรก คือ วันที่อนุมัติให้การส่งเสริม ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ด้านวัตถุดิบ และภาษีเงินได้ สามารถขอใช้ย้อนหลังได้ไม่เกินวันนี้ (ส่วนเครื่องจักรจะย้อนได้ถึงวันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริม) แต่จะต้องได้รับบัตรส่งเสริมก่อน
วันที่สอง คือ วันที่ออกบัตรส่งเสริม
อย่างไรก็ตาม สถานะความเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม และการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อมีการออกบัตรส่งเสริมแล้ว
1. เครื่องจักรที่จะกรอกให้แบบฟอร์มการขอเปิดดำเนินการ ให้รวมถึงเครื่องจักรด้านสาธารณูปโภคได้ด้วย เพราะเป็นการลงทุนที่นับเป็นขนาดการลงทุนเพื่อคำนวณวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ด้วย
2. ตามที่แอดมินเข้าใจคือ โครงการตามนโยบายฟื้นฟูฯ จะได้รับอนุญาตให้นำเครื่องจักรจากโครงการเก่าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มาใช้ในโครงการใหม่ได้ โดยกำลังผลิตของเครื่องจักรเก่านั้น สามารถนับรวมกำลังในโครงการใหม่ได้ด้วย และจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้มากกว่าปกติ เช่น จะได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเท่ากับ 150% ของขนาดการลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน เป็นต้น
แต่ขนาดการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ที่จะคำนวณวงเงินยกเว้นภาษี จะนับเฉพาะการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่ และการลงทุนในการซ่อมแซมอาคารหรือเครื่องจักรเท่านั้น แต่ไม่รวมไปถึงค่าก่อสร้างอาคารและค่าเครื่องจักรที่มีอยู่ในโครงการเดิม ซึ่งเคยนับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
การกรอกข้อ 5.3 (B) จึงควรเป็น- ค่าก่อสร้าง กรอกเฉพาะส่วนที่ก่อสร้างใหม่ ก่อสร้างเพิ่มเติม หรือการซ่อมแซมส่วนเดิมที่ได้รับความเสียหาย
- ค่าเครื่องจักร กรอกเฉพาะในส่วนที่ลงทุนใหม่ หรือที่ซ่อมแซมเครื่องจักรเดิมที่ได้รับความเสียหาย
- ค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการ ไม่นับ เพราะไม่ใช่โครงการริเริ่ม
- ค่าสินทรัพย์ ไม่นับ เพราะไม่ใช่โครงการริเริ่ม
อย่างไรก็ตาม การกรอกข้อมูลเครื่องจักรในข้อ 2 ควรต้องกรอกข้อมูลเครื่องจักรทั้งหมด คือทั้งที่ลงทุนใหม่ และที่นำมาใช้จากโครงการเดิม (แต่ส่วนที่นำมาจากโครงการเดิมจะไม่นับเป็นขนาดการลงทุน)โครงการตามนโยบายฟื้นฟูฯ ค่อนข้างแตกต่างจากกิจการปกติ หากเป็นไปได้ ควรนัดหมายเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ BOI ผู้ดูแลโครงการ เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรง จะได้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่า
สำนักงานขอชี้แจงดังนี้
(1) กิจการวิจัยและพัฒนา Electric Bike การพัฒนาเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ในประเทศไทย สามารถขอรับการส่งเสริมได้ในประเภทกิจการ 7.11 กิจการวิจัยและพัฒนามีรายละเอียดดังนี้
เงื่อนไขเฉพาะโครงการ
1. ต้องมีขอบข่ายของการวิจัยและพัฒนา ดังนี้
- การวิจัยขั้นพื้นฐาน (Basic Research) หมายถึง การวิจัยหรือการค้นคว้าเพื่อการค้นพบองค์ความรู้ใหม่ที่มีคุณค่าทางวิชาการและองค์ความรู้นี้อาจนำไปสู่การใช้ประโยชน์หรือแก้ปัญหาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระบวนการการผลิตหรือการให้บริการในอนาคต
- การวิจัยประยุกต์ (Applied Research) หมายถึง การวิจัยที่นำความรู้พื้นฐานมาประยุกต์ใช้พเอแก้ปัญหาหรือพัฒนาองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการใหม่ ทั้งนี้รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การคิดค้นสูตร การออกแบบผลิตภัณฑ์และการออกแบบกระบวนการผลิตที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
- การวิจัยพัฒนาระดับนำร่อง (Pilot Development) หมายถึง การขยายขนาดการผลิตที่เป็นผลมาจากการวิจัยขั้นพื้นฐานและการวิจัยประยุกต์ เป็นการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) และ/หรือทดสอบกระบวนการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบตลาดและ/หรือ เก็บรวบรวมข้อมูลสภาวะที่เหมาะสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการออกแบบกระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
- การวิจัยพัฒนาเชิงสาธิต (Demonstration Development) หมายถึง การวิจัยพัฒนาที่นำผลการวิจัยพัฒนาระดับนำร่องมาขยายขนาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบ กระบวนการผลติในระดับอุตสาหกรรมเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต รวมทั้งสาธิตให้เห็นถึงความเสถียรของกระบวนการและศักยภาพการผลิตเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของการควบคุม คุณภาพและการประเมินต้นทุน
2. ต้องเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับขอบข่ายการวิจัยและการพัฒนา จำนวนนักวิจัยตามโครงการตลอดจนประวัติการศึกษาและประสบการณ์ของนักวิจัย
3. หากตั้งอยู่ในเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับการส่งเสริมหรือได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการให้ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง
4. ต้องมีค่าใช้จ่ายเงินเดือนของบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาไม่น้อยกว่า 1,500,000 บาทต่อปี หรือมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
ทั้งนี้ จะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและ พัฒนารวมทั้งการทดสอบที่เกี่ยวข้องโดยจะอนุมัติให้คราวละ 1 ปี ซึ่งของนำเข้าที่จะได้รับการยกเว้นอากรจะต้องไม่ใช่เครื่องจักรหรือวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่สามารถนำเข้าโดยได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรหรือวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น ทั้งนี้ ตามชนิด ปริมาณ ระยะเวลา เงื่อนไข และวิธีการที่ประกาศกำหนด
สิทธิประโยชน์
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (ไม่กำหนดวงเงินภาษีที่ได้รับ)
- ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร
- ยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออก
- สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษีอากร (การอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการอนุญาตนำเข้าช่างฝีมือต่างด้าว การอำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่ช่างฝีมือต่างด้าว) หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ
1. ต้องเป็นการลงทุนในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ใหม่ (เครื่องจักร/อุปกรณ์ต้องซื้อหลังจากวันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริม)
2. อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียน (หรือส่วนของผู้ถือหุ้น) ไม่เกิน 3 ต่อ 1
ท่านสามารถดูรายละเอียดทั้งหมดนี้รวมถึงขั้นตอนการขอรับการส่งเสริมและเอกสารการยื่นขอรับการส่งเสริม (หน้า 131 - 140)จากคู่มือการขอรับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการยื่นคำขอรับการส่งเสริมโปรดกรอกแบบคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน บริการ (F PA PP 03-08) ตามลิงค์ :
https://www.boi.go.th/upload/content/F%20PA%20PP%2003(Th)%20e-Form_5cf9da6cca46d.pdf และสามารถศึกษาการกรอกแบบคำขอได้ตามคู่มือการกรอกแบบคำขอฯ ตามลิงค์ : https://www.boi.go.th/upload/content/expla_app_89488.pdf กรณียื่นคำขอออนไลน์ กรุณาลงทะเบียนตามลิงค์ : https://boi-investment.boi.go.th/public/
(2) สำหรับกิจกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (Scooter) เป็นกิจการที่ไม่เข้าข่ายประเภทกิจการที่สำนักงานให้การส่งเสริม
2.1 สำนักงานให้การส่งเสริมการลงทุนในประเภทกิจการผลิตรถจักรยานยนต์ ในประเภทกิจการ 4.12 โดยมีเงื่อนไขของโครงการ คือ ต้องเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 248 ซีซี ขึ้นไป ดังนั้น กรณีที่ท่านต้องการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีความจุของเครื่องยนต์ที่ 125 และ 200 ซีซี จึงไม่เข้าข่ายประเภทกิจการที่สำนักงานให้การส่งเสริม
(3) การผลิตรถจักรยานยนต์ EV เป็นกิจการที่ไม่เข้าข่ายประเภทกิจการที่สำนักงานให้การส่งเสริม อย่างไรก็ตาม สำนักงานมีประเภทกิจการที่อาจเกี่ยวข้องกับการขอรับการส่งเสริมของท่าน เช่น ประเภทกิจการ 4.8.3 กิจการผลิตอุปกรณ์สำหรับรถยนต์ Hybrid, Battery Electric Vehicles (BEV) และ Plug-in Hybrid Electric Vehicles (PHEV) ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษาประเภทกิจการที่เกี่ยวข้องภายใต้ประเภทกิจการ 4.8.3 จากคู่มือขอรับการส่งเสริมการลงทุน
ต้องทำเรื่องโอนและรับโอนกิจการ เพื่อโอนโครงการตามบัตรที่ 1 และบัตรที่ 2 จากบริษัทที่ได้รับส่งเสริมเดิม ไปให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ (แม้ว่าจะเป็นบริษัทในเครือเดียวกันก็ตาม)
กรณีที่บริษัทเดิมเป็นหุ้นไทยข้างมาก บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่สามารถตั้งอยู่ที่เดิมได้ แต่หากบริษัทเดิมเป็นหุ้นต่างชาติข้างมาก และถือครองที่ดินโดยสิทธิประโยชน์มาตรา 27 จาก BOI อาจจะเกิดปัญหา เนื่องจาก BOI จะอนุญาตให้นำที่ดินที่ถือครองกรรมสิทธิ์ตามมาตรา 27 ไปให้ผู้อื่น เช่น บริษัทในเครือ
A(BOI) -> B(Free Zone) -> C(ต่างประเทศ) A สามารถนำสินค้าจาก C กลับเข้ามา เพื่อซ่อมแซม แล้วส่งกลับออกไปให้ C โดยขอใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 36 ได้
กรณีได้รับส่งเสริมมากกว่า 1 โครงการ บริษัทสามารถขอรวมโครงการเข้าด้วยกันได้ (ไม่ใช่การโอนเครื่องจักรของบัตรหนึ่งให้กับอีกบัตรหนึ่ง) ซึ่งเมื่อรวมโครงการ ปกติจะถูกปรับลดสิทธิประโยชน์ลงให้เหลือเท่ากับโครงการที่สั้นที่สุด กรณีที่สอบถาม บริษัทจะขอรวมโครงการโดยมีผลิตภัณฑ์ 2 ชนิด และ 2 ประเภทกิจการ ตามที่ได้รับส่งเสริมอยู่เดิมก็ได้ หรือจะขอรวมโครงการพร้อมกับแก้ไขชนิดผลิตภัณฑ์และประเภทกิจการให้เหลือชนิดเดียวก็ได้ กรณีนี้น่าจะเตรียมข้อมูลและนำไปปรึกษากับ จนท BOI เพื่อเลือกวิธีดำเนินการที่เหมาะสม
กิจการ 7.37 IPO คือกิจการจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบ จากหลายๆแหล่ง ให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรม หรือตัวแทนจำหน่าย โดยจะเป็นการค้าส่งในประเทศ และ/หรือส่งออกต่างประเทศ ทำหน้าที่เสมือน Sourcing Unit ของให้แก่ลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมหรือ Distributors
กิจการ 7.7 TISO เป็นกิจการสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีหลายขอบข่ายธุรกิจที่บริษัทสามารถขอรับการส่งเสริมได้ เช่น การให้บริการทางวิศวกรรม การให้คำปรึกษา การติดตั้ง บำรุงรักษา ซ่อมแซมเครื่องจักร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แต่ละประเภทกิจการจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป (สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขกิจการได้ที่คู่มือขอรับการส่งเสริม)
หากรวมแล้ว จะเป็นประเภท 4.10 ก็ควรปรึกษากับ จนท กอง 2 แต่ถ้ารวมแล้ว ยังแยกเป็น 2 ประเภทกิจการ ไม่แน่ใจว่าควรปรึกษากับกองที่ดูแลบัตรส่งเสริมฉบับแรกที่ได้รับ หรือควรปรึกษากับกองที่ดูแลกิจการของบัตรที่มีขนาดการลงทุนสูงกว่า เบื้องต้นลองปรึกษากับ จนท กอง 2 (ประเภท 4.10) ดูก่อน
สามารถทำได้ หากเป็นการนำสินค้าที่ a ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ กลับเข้ามาซ่อม เพื่อส่งออก ก็สามารถใช้สิทธิได้
ทางบริษัทได้ขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุนอยู่ 2 บัตร ทั้ง 2 บัตรได้เปิดดำเนินการแล้ว และสิ้นสุดสิทธิภาษีเงินได้แล้ว ความประสงค์จะขอรวมบัตรเพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร มีคำถามว่า
- ถ้ารวมบัตรแล้วสิทธิที่ทางบริษัทจะได้รับจะเท่าเดิมหรือไม่
- เรื่อง Max Stock ที่เราจะได้รับจะได้เท่ากับ 2 บัตรเดิม รวมกันหรือไม่
- เรื่องวัตถุดิบและวัสดุจำเป้นของเดิมที่มีอยู่ทั้ง 2 โครงการจะทำอย่างไร จะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้างในการรวมบัตร
1. การรวมบัตรส่งเสริม จะถูกปรับลดสิทธิประโยชน์ลงเท่าที่เหลือตามระยะเวลาของบัตรที่สั้นที่สุด เช่น บริษัทเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว และสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้แล้ว หากรวมบัตรส่งเสริม จะถูกปรับลดเฉพาะระยะเวลานำเข้าเครื่องจักร/แม่พิมพ์ (ถ้ามี) และระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบ ลงเหลือเท่ากับระยะเวลาของบัตรที่สั้นที่สุด และในการออกบัตรส่งเสริม บริษัทจะต้องโอนย้ายบัญชีรายการเครื่องจักรและวัตถุดิบที่เหลือของบัตรฉบับเดิม ไปเป็นค่าตั้งต้นของบัตรส่งเสริมฉบับใหม่ด้วย
2. หากบริษัทต้องการลดภาระเฉพาะการบริหารจัดการวัตถุดิบ บริษัทสามารถขอรวมเฉพาะบัญชีปริมาณสต็อกวัตถุดิบ โดยไม่ต้องรวมบัตรส่งเสริมก็ได้ โดยจะได้รับอนุมัติบัญชีสต็อกวัตถุดิบใหม่ (บัญชีรวมสต็อก) ซึ่งจะมีระยะเวลานำเข้าเท่ากับระยะเวลาที่สั้นที่สุดของบัตรเดิม และต้องย้ายรายการและปริมาณวัตถุดิบคงเหลือของแต่ละบัตร ไปเป็นค่าตั้งต้นของบัญชีรวมสต็อกด้วย
เงินค่าเช่าที่ดินที่จะนับเป็นขนาดการลงทุนของโครงการ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.ต้องเป็นการเช่าซึ่งมีอายุสัญญาเช่ามากกว่า 3 ปี (เช่น 3 ปี 1 เดือน) และจดทะเบียนสัญญาเช่ากับกรมที่ดิน
2.กรณีเป็นการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จะต้องแยกค่าเช่าที่ดินและค่าเช่าสิ่งปลูกสร้างไว้ในสัญญา
การเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม หากเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อนี้ ก็สามารถนับเป็นขนาดการลงทุนของโครงการได้
กรณีเป็นเครื่องจักร ก็ให้ใช้ราคาทุน/ราคาที่ได้มาของเครื่องจักร รวมถึงค่าติดตั้ง ค่าทดลองเครื่อง และค่าวิชาการที่รวมอยู่ในต้นทุนเครื่องจักรด้วย
บรรจุภัณฑ์ ถือเป็นวัตถุดิบของสินค้าตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม ค่าบรรจุภัณฑ์จึงรวมเป็นค่าวัตถุดิบตามโครงการได้
การยื่นคำขอรับการส่งเสริมในนามบุคคล ผู้ที่มีสิทธิลงนามตอบรับมติให้การส่งเสริม จึงต้องเป็นผู้ขอรับการส่งเสริมเท่านั้น ดังนั้น แม้จะจัดตั้งบริษัทเสร็จก่อนตอบรับมติ กรรมการบริษัทก็ไม่สามารถลงนามตอบรับมติได้