Chat
x
toggle menu
toggle menu

Select Groups

All Group
  • All Group
  • นโยบายเเละมาตรการพิเศษในการส่งเสริม
  • การขอรับการส่งเสริมการลงทุน
  • การออกบัตรส่งเสริม
  • การเปิดดำเนินการ
  • การเเก้ไขโครงการ
  • การดำเนินการอื่น ๆ
  • การรายงานความคืบหน้าโครงการ (e-Monitoring)
  • การปฏิบัติหลังการได้รับการส่งเสริม
  • การยกเลิกบัตรส่งเสริม
  • เรื่องทั่วไป
  • การใช้สิทธิด้านที่ดิน
  • การใช้สิทธิด้านเครื่องจักร
  • การใช้สิทธิด้านช่างฝีมือ/ต่างด้าว
  • การใช้สิทธิด้านวัตถุดิบ
  • ประเภทกิจการ - การแพทย์
  • การใช้สิทธิด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ประเภทกิจการ - รถยนต์ไฟฟ้า
  • ประเภทกิจการ - ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) IPO และ TISO
  • ประเภทกิจการ - โรงแรม
  • ประเภทกิจการ - ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ
  • ประเภทกิจการ - กิจการผลิตเครื่่องจักร อุุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • ประเภทกิจการ - กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่า ประเทศด้วยระบบที่่ทันสมัย (IDC)
คลังสินค้าและคลังเก็บวัตถุดิบตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกัน แต่คนละอาคารค่ะคลังเก็บสินค้า , คลังเก็บวัตถุดิบ สามารถนับเป็นเงินลงทุนในโครงการสำหรับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่

ค่าก่อสร้างคลังเก็บสินค้าและวัตถุดิบที่ใช้ในกิจการที่ได้รับส่งเสริม ถือเป็นขนาดการลงทุนที่สามารถนำมาคำนวณเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ โดยจะอยู่ในอาคารเดียวกันกับอาคารโรงงานหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องอยู่ในท้องที่ตามที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริม และหากมีการเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบอื่นที่นอกเหนือจากโครงการที่ได้รับส่งเสริม ก็ต้องปันส่วนค่าก่อสร้างตามพื้นที่ใช้งาน

ในกรณีของ "รายงานผลการดำเนินงานประจำปี (แบบ ตส.310) ก็ยื่นแบบในเดือนกรกฎาคม 1 ครั้งของทุกปีเหมือนเดิมใช่หรือไม่
การรายงานผลการดำเนินงานประจำปี มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ตาม ประกาศ ป.2/2561
นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตในกิจการที่ได้ส่งเสริมการลงทุน ชำระเงินแล้วมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรดังกล่าว ถือเป็นรายได้ที่ได้รับส่งเสริมหรือไม่

ถือว่าเป็น กำไรจากการปริวรรตเงินตรา ซึ่งเกิดจากการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยตรง เช่น จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ หรือจากการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ ตามโครงการที่ได้รับส่งเสริม ถือเป็นรายได้ที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ในข่ายรายได้อย่างอื่นที่ได้รับความเห็นชอบจาก BOI และสรรพากร ตามข้อ 2.4 ของประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530

ประกาศกรมสรรพากร ลงวันที่ 2 กพ 2530 : http://www.rd.go.th/publish/3537.0.html

ตัวอย่างคำตอบข้อหารือกรมสรรพากร (1) : http://www.rd.go.th/publish/23061.0.html

ตัวอย่างคำตอบข้อหารือกรมสรรพากร (2) : http://www.rd.go.th/publish/25229.0.html

บริษัทดำเนินกิจการผลิตและขายอาหารประเภทลูกอมและหมากฝรั่งซึ่งทางบริษัทเองไม่เคยขอได้รับการส่งเสริมการลงทุนมาก่อน มีความประสงค์จะลงทุนในการติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (solar cells) เพือใช้ในกิจการบริษัทเท่านั้น จึงเรียนมาปรึกษา ว่า ทางบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากมาตราการส่งเสริมการลงทุน ตามหัวข้อดังกล่าว ได้หรือไม่ เนื่องจากกิจการ ได้ถูกระบุให้เงือนไขลำดับถัดไปว่าเป็นกิจการที่ยกเว้นไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตามเงือนไข 1.17 (25 พ.ค. 2563)

ประเภทกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยมาตรการนี้กำหนดเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมว่า

“กิจการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับการส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม หากไม่ได้รับการส่งเสริมต้องเป็นประเภทกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนที่ใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นขอรับการส่งเสริม”

ทั้งนี้ จากการประสานงานทางโทรศัพท์ บริษัทแจ้งว่า โครงการยังไม่เคยได้รับการส่งเสริมจากสำนักงาน และโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ลูกอม ซึ่งกิจการดังกล่าวเป็นประเภทกิจการที่ไม่เข้าข่ายให้การส่งเสริมตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 2/2557

ดังนั้น โครงการของท่านจึงไม่สามารถขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

บริษัทมีหุ้นต่างชาติทั้งสิ้นได้รับการส่งเสริม IHQ จาก BOI ในปี พ.ศ. 2558 จะมีการโอนแผนก R&D มายังบริษัทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยได้รับเงินค่าวิจัยและพัฒนาจากสำนักงานใหญ่ บริษัทต้องการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับกรมสรรพากรในส่วนของรายได้จากการวิจัยและพัฒนานี้ บริษัทควรดำเนินการอย่างไร

กรมสรรพากรยุติการอนุมัติให้เป็น IHQ หรือ ITC และประกาศให้ส่งเสริมกิจการ IBC ซึ่งมีเงื่อนไขเข้มงวดมากขี้น หากต้องการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับกรมสรรพากร จะต้องเปลี่ยนมาขอรับการส่งเสริม IBC แทน

บริษัทมีหุ้นต่างชาติทั้งสิ้นได้รับการส่งเสริม IHQ จาก BOI ในปี พ.ศ. 2558 ได้รับอนุมัติการใช้สิทธิทางภาษี IHQ จากกรมสรรพากร ในปี พ.ศ. 2560 บริษัทควรเปลี่ยนเป็นกิจการ “IBC” หรือไม่

ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท หากยังคงเป็นกิจการ IHQ สามารถใช้สิทธิและโยชน์ทางด้านภาษีในปัจจุบันต่อไปถึงระยะเวลาที่กำหนด (15 รอบปีบัญชี)

“มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ” กรณีเอากิจการเดิมที่ไม่ได้ BOI มาขอ แต่กิจการเดิมทำมานานแล้ว ไม่มีรายละเอียดการซื้อเครื่องจักร จะต้องกรอกคำขออย่างไร (2 ธ.ค. 2564)
การขอคำขอสำหรับมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ รายละเอียดเครื่องจักรที่สำนักงานจะพิจารณา คือ เครื่องจักรที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงฯ ส่วนเครื่องจักรเดิมที่บริษัทมีอยู่นั้น เพียงระบุเครื่องจักรให้สอดคล้องกับกระบวนการผลิต เพื่อใช้พิจารณาการเข้าข่ายประเภทกิจการ
ก่อนยื่นแบบภงด.50 ในแต่ละปี ต้องยื่นแบบคำขอใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (F PM TA 01-01) ภายใน 120 วัน และได้รับอนุมัติจาก BOI ก่อนถึงจะใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้ใช่หรือไม่ ถ้าไม่ได้ยื่นแบบ หมายถึงปีนั้นต้องสละสิทธิ์ ด้านภาษีหรือไม่ อย่างไร

1. ต้องยื่นแบบขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีต่อ BOI ภายใน 120 วัน เพื่อให้ทันกำหนดที่บริษัทจะต้องยื่น ภงด จึงจะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีนั้นได้

2. หากยื่นหลังจาก 120 วัน BOI จะตรวจสอบไม่ทันกำหนดที่บริษัทจะต้องยื่น ภงด แต่บริษัทยังคงได้รับสิทธิยกเว้นภาษีในรอบปีนั้น (หากยังอยู่ในช่วงที่ได้รับสิทธิ ม.31) เพียงแต่บริษัทอาจต้องยื่น ภงด ช้า หรืออาจต้องขอแก้ไข ภงด ที่ยื่นไปแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องของบริษัทกับสรรพากร

ที่แอดมินส่งลิงค์ "ประกาศ ป.2/2561" มาให้ศึกษาได้ใจความสำคัญว่า "ต้องรายงานในทุกรอบปีบัญชี ภายในเดือนกรกฎาคมของปีถัดไป จนกว่าจะสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม" จึงยกตัวอย่างสอบถามเพื่อที่จะให้เข้าใจและมองเห็นภาพได้ง่ายขึ้น ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ ในกรณีที่บริษัท A มีรอบปิดบัญชี ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 - กุมภาพันธ์ 2561 ดังนั้น บริษัท A จะต้องยื่นแบบรายงานผลการดำเนินการ ตส.310 เดือนไหนก็ได้ แต่ต้องไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2561 ใช่หรือไม่

กรณีปิดงบวันที่ 28 ก.พ. 61 ถือเป็นงบของปี 61 จึงจะต้องรายงานภายในวันที่ 31 ก.ค. 62 แต่หากบริษัทปิดงบได้เร็ว จะยื่นรายงานภายในวันที่ 31 ก.ค. 61 ก็ได้

บริษัท ได้หมดเวลาการนำเข้าเครื่องจักรในวันที่ 9 สิงหาคม 2557 และบัตรส่งเสริมลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 ตอนนั้นทางภายในบริษัทฯได้ปรึกษากันว่าจะทำเรื่องขอขยายการเปิดดำเนินการออกไป และได้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าที่ BOI ขอคำปรึกษาการขอขยายเปิดดำเนินการ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำว่า ไม่แนะนำให้เปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว แนะนำให้ทำเรื่องขอขยายการนำเข้าเครื่องจักรพร้อมกับขอขยายการเปิดดำเนินการไปด้วยเลย ดังนั้น ในวันที่ 8 มกราคม 2558 ทางบริษัทจึงได้ทำเรื่องขอขยายระยะเวลาไป และได้รับการอนุมัติแล้ว เมื่อทำเรื่องขอขยายแล้วอยากทราบว่า บริษัทต้องเปิดดำเนินการอีกทีเมื่อไหร่ และสิ้นสุด การนำเครื่องจักรเมื่อไหร่ (ขอระบุวันที่ เดือน ปี พ.ศ. ให้ชัดเจนหน่อย)

น่าจะระบุวันที่ออกบัตรส่งเสริมผิด คือ ควรจะเป็น 9 ก.พ. 56

1. เจ้าหน้าที่แนะนำถูกต้องแล้ว เนื่องจากหากขอขยายเวลาเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว จะขอได้เพียง 1 ครั้ง (1 ปี) เท่านั้น

- แต่หากขอระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรพร้อมกับขยายเปิดดำเนินการ จะขอได้ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี และจะขอขยายเฉพาะเปิดดำเนินการเพียงอย่างเดียว ได้อีก 1 ครั้ง (1 ปี) คือ รวมสามารถขยายเวลาเปิดดำเนินการได้สูงสุด 4 ปี

2. หากบริษัทยื่นขอขยายเวลานำเข้าและขยายเปิดดำเนินการ โดยได้รับอนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 58

- การจะได้รับขยายถึงเมื่อไร ให้ตรวจสอบจากหนังสือแจ้งมติ

- ปกติจะได้รับขยายเวลานำเข้าเครื่องจักร 1 ปี (กรณีนี้ควรได้รับขยายเครื่องจักรถึงวันที่ 9 ส.ค. 58) และได้รับขยายเวลาเปิดดำเนินการ 1 ปี (กรณีนี้ควรได้รับขยายเวลาเปิดดำเนินการถึงวันที่ 9 ก.พ. 59)

- เมื่อได้รับหนังสือแจ้งมติแล้ว จะต้องนำบัตรส่งเสริมตัวจริงไปยื่นเพื่อขอแก้ไขด้วย จึงจะเสร็จสิ้นขั้นตอน

3. หากบริษัทไม่สามารถนำเข้าเครื่องจักรและเปิดดำเนินการได้ทันตามที่ได้รับขยายเวลาตามข้อ2

- เมื่อใกล้ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ยื่นเรื่องขยายระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรและขยายเวลาเปิดดำเนินการอีกเป็นครั้งที่ 2

อยากทราบขั้นตอนการขอแก้ไขโครงการเกี่ยวกับการเพิ่มกรรมวิธีการผลิตว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และยื่นขอแก้ไขได้ที่ไหน ที่บริษัทได้รับบัตรส่งเสริมแล้วยังไม่เปิดดำเนินการ

ขั้นตอนคือ ทำหนังสือหัวจดหมายบริษัท ยื่นพร้อมแบบฟอร์มขอแก้ไข แนบรายละเอียดอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น รูปภาพ หรือ flowchart นำไปยื่นที่สำนักบริการลงทุน 1-4 ที่เป็นผู้พิจารณาอุตสาหกรรมนั้น หรือจะยื่นผ่าน สนง.บีโอไอ ต่างจังหวัด ก็ได้ แต่จะพิจารณาที่กรุงเทพ และหากจำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียด ก็จะต้องชี้แจงที่กรุงเทพ การแก้ไขกรรมวิธีการผลิต มีหลายกรณี ดูข้อมูลเบื้องต้นได้จาก link http://faq108.co.th/boi/modify/process.php

ข้อ 2 แต่จะ cap วงเงินให้ตามสัดส่วนกำลังผลิตของเครื่องจักรนั้น หมายถึงถ้าซื้อเครื่องจักรมาหนึ่งล้าน นำไปผลิตกับ Non BOI ด้วย แสดงว่าจะนับมูลค่าเงินลงทุนของเครื่องนี้ได้แค่ 5 แสนใช่หรือไม่ หากใช้ผลิต BOI และ Non BOI อย่างละ 50% แล้วถ้าโครงการนั้นเปิดดำเนินการไปแล้ว ๆเอาเครื่องจักรมาผลิตกับ Non BOI ในภายหลังก็จะไม่มีผลกับมูลค่าเงินลงทุนใช่หรือไม่

หากนำเครื่องจักรมูลค่า 1 ล้านบาท เข้ามาโดยชำระภาษีอากร เพื่อใช้ในกิจการ BOI บางส่วน (50%) และใช้ในกิจการ Non-BOI บางส่วน (50%) ก็จะนับมูลค่าเงินลงทุนของเครื่องจักรนี้ได้ตามสัดส่วนที่ใช้ในกิจการ BOI (กรณีนี้คือ 5 แสน)

หลังจากได้รับอนุญาตเปิดดำเนินการครบตามโครงการแล้ว หากนำเครื่องจักรตามข้อ 1 ไปใช้ในกิจการ Non-BOI ทั้งหมด จะไม่มีผลกับการนับมูลค่าเงินลงทุน

กรณีที่ 2 เปรียบเทียบกับตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เช่น บริษัทซื้อเครื่องตรวจสอบ โดยชำระภาษีเข้ามาเอง ซึ่งสามารถนับเป็นมูลค่าเงินลงทุนได้ แต่ต่อมาหลังเปิดดำเนินการครบตามโครงการ ปรากฏว่าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตรวจสอบนั้นต่อไป ก็สามารถจำหน่ายได้ โดยไม่มีผลกับมูลค่าเงินลงทุนที่ได้ cap เป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้ว

เนื่องจากตอนนี้บริษัทกำลังดำเนินการ ขยายเวลาเปิดดำเนินการ/เครื่องจักร ครั้งที่1 และต้อง ขอแก้ไขข้อมูลแนบท้ายบัตร จึงเขียนอีเมลมาเพื่อขอสอบถาม 1. รายละเอียดการทำหนังสือ เรียนเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เรื่องแก้ไขข้อมูบแนบ ท้ายบัตร รายละเอียดหลักในหนังสือจะต้องระบุข้อมูลว่าอย่างไร 2.จะต้องใช้เอกสารอะไรแนบเพิ่มเติมบ้างค่ะ 3.ระยะเวลาดำเนินการต้องใช้เวลาทั้งสิ้นกี่วันค่ะ 4.ช่วงเวลาที่เปิดทำธุระการแก้ไขแนบท้ายบัตรตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง หรือว่าทั้งวันค่ะ 5.รบกวนขอเบอร์ติดต่อฝ่ายดำเนินการแก้ไขแนบท้ายบัตร

การขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรและเปิดดำเนินการ และการแก้ไขข้อมูลแนบท้ายบัตร มีดังนี้

1. บริษัทจะต้องยื่นขอขยายเวลาเปิดดำเนินการผ่านระบบ e-Services ตามลิงค์: https://www.boi.go.th/un/boi_online_services_form เลือกเมนู ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับงานสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร (EMT) เข้า Login :Username / Password หากบริษัทไม่สามารถเข้า Login: Username / Password สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายละเอียดดังนี้

คุณปองพล รอดสวัสดิ์ปอง โทร : 02-553-8395

คุณปิยะวรรณ ขยันมาก โทร : 02-553-822

ทั้งนี้ เมื่อบริษัทดำเนินการยื่นผ่านระบบ (EMT) รอการอนุมัติการขยายเวลาเปิดดำเนินการ/เครื่องจักร จากกองที่ดูแลประเภทกิจการนั้น

2. นำบัตรส่งเสริมตัวจริง และ Screen capture พิมพ์หน้าจอที่ได้รับอนุมัติ นำมายื่นที่กลุ่มบัตรส่งเสริม ชั้น 3

3. ระยะเวลาดำเนินการ 1-2 วันทำการ เนื่องจากกลุ่มบัตรส่งเสริมต้องได้รับข้อมูลจากกองที่อนุมัติการขอขยายเวลาเปิดดำเนินการ/เครื่องจักร ที่ทางบริษัทได้ยื่นไว้

4. ช่วงเวลาที่เปิดทำการแก้ไขแนบท้ายบัตรตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.

5. ติดต่อฝ่ายดำเนินการแก้ไขแนบท้ายบัตร กลุ่มบัตรส่งเสริม ชั้น 3 เบอร์โทร. 02-553-8111 กด 4

ตามมาตรา 27 ไม่ได้ระบุ เรื่องราคาในการจำหน่ายที่ดินที่ได้ถือกรรมสิทธิ์นั้น ว่า สามารถจำหน่ายได้ ในราคาที่สูงกว่า ที่ซื้อมาหรือไม่

มาตรา 27 กำหนดเฉพาะระยะเวลาที่ต้องขายที่ดิน ภายหลังจากเลิกกิจการที่ได้รับส่งเสริม แต่ไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับราคา จึงสามารถจำหน่ายที่ดินที่ถือครองตามสิทธิประโยชน์ ในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมาได้

รายละเอียดเครื่องจักรในการยื่นขอรับการส่งเสริมฯ ต้องใส่ข้อมูลที่มีการซื้อจริง หรือให้รวมแพลนที่จะซื้อแต่ยังไม่ได้ซื้อ แล้วรวมถึงอุปกรณ์สำนักงานเช่น เครื่องถ่ายเอกสาร โทรศัพท์ ด้วยหรือไม่

รายละเอียดเครื่องจักร หมายถึงเครื่องจักรที่มีแผนจะลงทุนใหม่สำหรับโครงการที่ยื่นขอส่งเสริม โดยเป็นการประมาณการในรายละเอียดของเครื่องจักรที่จะใช้ในโครงการทั้งหมด ทั้งนี้เครื่องจักรเก่าใช้แล้วในประเทศ ไม่สามารถนำมานับรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้ นอกจากนี้อุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ ไม่นับเป็นเครื่องจักร แต่นับเป็นสินทรัพย์อื่น ๆ

การยื่นตัดบัญชีชำระภาษีอากรผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเนื่องจากที่บริษัทมีการยื่นขอชำระภาษี และได้ชำระภาษี เรียบร้อย ขั้นตอน ที่ต้องนำใบขนและใบเสร็จยื่นตัดบัญชีที่ IC อยากถามว่า ในช่อง วันที่ EXP_DATE ใช้ ว่า ที่ ตรงไหนคีย์ เข้าไป เพราะ ใบขนที่ได้มา เป็นใบขนสินค้าขาเข้าไม่ทราบว่า ต้องใช้ วันที่ ตาม Invoice หรือวันที่นำเข้า เพื่อใช้คีย์ในช่องดังกล่าว เพื่อยื่นตัดบัญชี

การยื่นตัดบัญชีวัตถุดิบ จากการชำระภาษีอากรผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ให้ยื่นไฟล์ตัดบัญชี โดยช่อง EXP_EXTRY ให้คีย์เลขที่หนังสืออนุมัติจาก BOI โดยไม่ต้องคีย์คำว่า " นร " และช่อง EXP_DATE ให้คีย์วันที่ของหนังสืออนุมัติ

ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติม เช่น นร 1307/ศ./020231 แบบนี้ ต้องคีย์ 1307/ศ./020231 ใช่รึเปล่า อีก 1 กรณี คือ หนังสืออนุมัติ ที่ได้รับ จะเป็นหนังสือ อนุมัติที่ไม่มีหัวครุฑคะเพราะ หนังสือครุฑ จะถูกส่งไปที่กรมศุลกากร สามารถนำเอาหนังสือสำนาครุฑไปยื่นตัดได้ไหม
1. ไม่ต้องคีย์อักษร "ศ." โดยให้คีย์เป็น 1307/020231

เมื่อไปยื่นตัดบัญชีที่เคาน์เตอร์ IC จะยื่นไม่ผ่าน เนื่องจาก format ไม่ตรงกับที่กำหนด ให้แจ้งกับพนักงาน IC เพื่อให้ปลดล็อคระบบให้ กรณีจะยื่นตรวจสอบตัดบัญชีออนไลน์ จะยื่นไม่ได้ เนื่องจาก format ไม่ตรงกับที่กำหนด ให้คีย์เลขที่ใบขนขาออกอะไรก็ได้ เพื่อให้ยื่นตรวจสอบออนไลน์ได้

2. เอกสารที่ต้องใช้คือ

หนังสือบริษัทขอตัดบัญชี

ใบขนขาเข้าที่ชำระภาษีอากรผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (ลงนามประทับตราทุกแผ่น) ใบเสร็จรับเงิน (ฉบับจริงและสำเนา)

สำเนาหนังสืออนุมัติให้ชำระภาษีอากรสินค้าสำเร็จรูป (ฉบับที่มีประทับตราครุฑแดงจาก BOI)

ในกรณีที่ได้รับส่งเสริมแล้ว หากต้องเปลี่ยนแปลงที่ตั้งจากจังหวัดที่ยื่น ไปจังหวัดอื่น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไหม

สามารถเปลี่ยนได้ โดยสำนักงานได้มีการกำหนดเงื่อนไขที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการไว้ในบัตรส่งเสริม โดยผู้ได้รับส่งเสริมประสงค์จะเปลี่ยนสถานที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีดังนี้

- ย้ายที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการ โดยยังคงอยู่ในจังหวัดเดิมตามที่ระบุไว้ในบัตรส่งเสริม (เช่น เปลี่ยน ตำบล หรือ อำเภอ หรือย้ายไปในเขตหรือนิคมอุตสาหกรรมตามเดิม) และไม่ขัดกับกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้ไม่ต้องแก้ไขโครงการ แต่ผู้ได้รับการส่งเสริมจะต้องส่งจดหมายแจ้งให้สำนักงานทราบ

- ย้ายที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการ โดยเปลี่ยนจากที่ตั้งเดิมที่ระบุไว้ในบัตรส่งเสริม (ย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น/อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอื่น) ผู้ได้รับการส่งเสริมต้องยื่นขอแก้ไขที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการให้สำนักงาน

ตามแบบคำขออนุญาตเปลี่ยน/เพิ่ม/ลด สถานที่ตั้งโรงงาน/สถานประกอบการ (F PA PC 03-09)

บริษัทจะควบรวมกับบริษัทในเครือ เป็นบริษัทใหม่ นิติบุคคลใหม่ บริษัทฯ เดิมมีการใช้สิทธิในการถือครองที่ดิน และจะทำเรื่องควบรวมกิจการกับกิจการที่เป็น BOI ในปีหน้าหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นมีมติออกมาแล้ว ขอสอบถามว่า ในส่วนของเรื่องที่ดิน บริษัทฯ จะต้องดำเนินการก่อนควบรวมและหลังควบรวม อย่างไรบ้าง

กรณีที่บริษัท A และ B ควบรวมกิจการ นิติบุคคลใหม่ (C) ที่เกิดจากการควบรวมกิจการต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมสำหรับการโอน/ควบรวมกิจการภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ทำการโอน/ควบรวมกิจการแล้ว ซึ่งบริษัทสามารถดำเนินการยื่นคำขอส่งเสริมสำหรับการโอน/ควบรวมกิจการได้ก่อนวันที่ทำการโอน/ควบรวมกิจการ

ทั้งนี้ นิติบุคคลใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการจะได้รับสิทธิและประโยชน์เท่าที่บัตรส่งเสริมของผู้โอนกิจการเดิมยังเหลืออยู่ เช่น สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สิทธิด้านเครื่องจักร สิทธิด้านวัตถุดิบ และสิทธิถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นต้น ซึ่งสิทธิประโยชน์จะถูกโอนจากบัตรเดิมมายังบัตรใหม่สำหรับการโอน/ควบรวมกิจการ

บริษัทนำเข้าแม่พิมพ์เก่าใช้งานตั้งแต่นำเข้าครั้งแรกธันวาคม 2554 -ปัจจุบัน(พฤศจิกายน 58) ระบบที่ลงไว้ในEMT เป็น type 2 แต่ไม่มีเอกสารหรือใบ certificate เลยครับและบริษัทอยู่ระหว่างแจ้งเปิดดำเนินการฯ บริษัทต้องทำอย่างไร เกี่ยวกับการแจ้งเปิดดำเนินการ เพราะตามปกติเครื่องจักรเก่าจะต้องมีใบ Certificate รับรอง แต่เอกสารแจ้งเปิดดำเนินการ (F PM OP 01-06) ข้อ.2 รายละเอียดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ติดตั้งใช้ในโครงการฯ ช่อง สภาพเครื่องจักร ณ วันที่ได้มา ใหม่ ,เก่า ถ้าเก่าให้ระบุปีที่ผลิต ประเทศ พร้อมที่แนบเอกสาร Certificate สำหรับเครื่องจักรเก่าบริษัทมี Certificate แนบ แต่ Mold เก่าบริษัทไม่มีเอกสารแนบเพราะบริษัทไม้ได้ขอมาจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 54 ถึง ปีปัจจุบัน(พฤศจิกายน 58) กรณีบริษัทฯต้องทำอย่างไรครับ (ตรวจสอบรายละเอียดจาด Mold แล้วไม่มี namepate บอกวันเดือนปีที่ผลิตเลย บอกแต่เพียงรุ่น/Model เท่านั้น)

แม่พิมพ์เก่า ไม่ต้องมีใบรับรองประสิทธิภาพเครื่องจักรเก่า ตามประกาศ สกท. ที่ ป.2/2546 ข้อ 6

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader

Site map